คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กล่าวฟ้องว่า จำเลยใช้อุบายหลอกลวงเอาความเท็จมากล่าวแก่ผู้เสียหายว่าจำเลยร้อนเงิน ขอยืมเข็มขัดนาคไปจำนำก่อนเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ วันรุ่งขึ้นจะจัดการไถ่คืนให้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้มีเจตนาจะนำเข็มขัดนาคไปจำนำและจัดการไถ่คืนให้ผู้เสียหายดังกล่าวแต่จำเลยมีเจตนาจะเอาเข็มขัดนาคนั้นเสียเลยผู้เสียหายหลงเชื่อจึงมอบเข็มขัดนาคของผู้เสียหายให้จำเลยไปแล้วจำเลยเอาเข็มขัดนาคสายนี้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียการบรรยายฟ้องเช่นนี้ ไม่เป็นฟ้องฐานฉ้อโกงในฟ้องแสดงเพียงว่าจำเลยรับจะทำอะไรแล้วไม่ทำตามรับเท่านั้นการไม่ทำตามรับเช่นนี้ไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงแม้ในฟ้องมีคำว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวง แต่เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดจะพบว่า ไม่มีการหลอกลวงอันเป็นความผิดอาญา
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2500)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า “จำเลยบังอาจมีเจตนาทุจริตใช้อุบายหลอกลวงให้นางสาคร มียัง ส่งทรัพย์ให้จำเลย โดยจำเลยเอาความเท็จมากล่าวแก่นางสาคร มียังว่าจำเลยร้อนเงิน ขอยืมเข็มขัดนาคของนางสาคร มียังไปจำนำก่อนเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้วันรุ่งขึ้นจะจัดการไถ่คืนให้ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้มีเจตนาจะนำเข็มขัดนาคไปจำนำและจัดการไถ่คืนให้นางสาคร มียัง ดังกล่าว แต่จำเลยมีเจตนาจะเอาเข็มขัดนาคนั้นเสียเลย นางสาคร มียัง หลงเชื่อในถ้อยคำอันเป็นเท็จของจำเลย จึงมอบเข็มขัดนาค 1 สายราคา 2,600 บาทของนางสาคร มียังให้จำเลยไป แล้วจำเลยเอาเข็มขัดนาคสายนี้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย” ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304 จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ข้อความตามที่ปรากฏในฟ้องไม่มีข้อความอันเป็นเท็จซึ่งเป็นมูลให้เกิดความผิดฐานฉ้อโก้ง ข้อความตามที่ปรากฏในฟ้องแสดงเพียงว่า จำเลยรับจะทำอะไรแล้วไม่ทำตามรับเท่านั้น การไม่ทำตามรับดังคดีนี้ไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโก้ง ในฟ้องมีคำว่า จำเลยใช้อุบายหลอกลวงข้อนี้ก็จริงอยู่ แต่เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดจะพบว่าไม่มีการหลอกลวงอันเป็นความผิดอาญา ฟ้องไม่เป็นฟ้องพิพากษายืน

Share