แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องความผิดตามป.อ.มาตรา148,339ว่าจำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบข่มขืนใจกรรโชกให้ผู้เสียหายมอบเนื้อกระบือชำแหละแล้ว140กิโลกรัมให้แก่จำเลยกับพวกมิฉะนั้นจำเลยกับพวกจะยึดเนื้อกระบือชำแหละแล้ว500กิโลกรัมไปตรวจสอบและจะจับกุมผู้เสียหายกับพวกดังนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้วโจทก์ไม่จำต้องระบุในฟ้องว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาทุจริต กรณีที่มีจำเลยหลายคนร่วมกันกระทำความผิดการบังคับให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ต้องบังคับตามป.พ.พ.มาตรา432ซึ่งจำเลยแต่ละคนจะต้องชำระหนี้ทั้งหมดโดยสิ้นเชิงอันมีฐานะเช่นเดียวกับลูกหนี้ร่วม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,148, 339 และขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 6,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148, 334, 83 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148ประกอบด้วยมาตรา 90 ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุก 5 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 6,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขืนใจ กรรโชกให้ผู้เสียหายมอบเนื้อกระบือชำแหละแล้ว 140 กิโลกรัม ให้แก่จำเลยกับพวกมิฉะนั้นจำเลยกับพวกจะยึดเนื้อกระบือชำระแหละแล้ว500 กิโลกรัม ไปตรวจสอบอันจะเป็นเหตุให้เนื้อดังกล่าวเสียหายและจะจับกุมผู้เสียหายกับพวกทำให้ปราศจากเสรีภาพ ผู้เสียหายกับพวกจึงได้ยอมมอบเนื้อ 140 กิโลกรัมให้จำเลยกับพวกไป ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงที่เป็นการกระทำของจำเลยที่กระทำต่อผู้เสียหายโดยละเอียดครบถ้วนในลักษณะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ มาตรา 337 ที่ขอให้ลงโทษแล้วทั้งบทบัญญัติแห่งกฎหมาย 2 มาตราดังกล่าวก็ไม่ได้ระบุองค์ประกอบความผิดว่าผู้กระทำต้องมีเจตนาทุจริต โจทก์จึงไม่ต้องระบุในฟ้องว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาทุจริตคำบรรยายฟ้องคดีนี้จึงชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
จำเลยฎีกาปัญหาข้อสองว่า ในการให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์นั้น จำเลยควรต้องรับผิดเพียงเท่าส่วนที่จำเลยจะพึงได้รับ คือ1 ใน 4 เนื่องจากมีผู้กระทำผิดร่วมกับจำเลยอีก 3 คนเห็นว่าข้อเท็จจริงยุติลงตามพิพากษาของศาลล่างทั้งสองแล้วว่า จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องและได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายคิดเป็นเงิน6,000 บาท กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432ที่บัญญัติว่า “ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยร่วมกันทำละเมิด ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น ฯลฯ” คำว่า “ร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน” มีความหมายว่า แต่ละคนจะต้องชำระหนี้ทั้งหมดโดยสิ้นเชิงอันมีฐานะเช่นเดียวกับลูกหนี้ร่วม ศาลจึงมีอำนาจที่จะสั่งให้จำเลยคืนทรัพย์สินทั้งหมดที่จำเลยกับพวกได้ไปจากผู้เสียหายได้โดยมิต้องแบ่งส่วนให้จำเลยรับผิดตามจำนวนผู้กระทำผิดฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน”
พิพากษายืน.