แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามหนังสือเอกสารหมาย จ.5 ระบุว่า “ตามที่ท่านได้จองซื้ออาคารพาณิชย์ดังกล่าวจากบริษัทกีรทรัพย์ แมนชั่นวิลล์ นั้น ท่านมิได้มาชำระค่างวดติดต่อกันเป็นเวลา 8 งวด (เดือน) นับตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2533 ถึง 25เมษายน 2534 ทางบริษัทจึงใคร่เรียนให้ทราบว่า บัดนี้ทางบริษัทได้ลงมือทำการก่อสร้างอาคารดังกล่าวแล้ว จึงขอให้ท่านมาติดต่อชำระค่างวดที่สำนักงานบริษัทภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับจดหมาย มิฉะนั้นทางบริษัทจะถือว่าท่านสละสิทธิในการจองซื้อดังกล่าว หากท่านขัดข้องประการใด กรุณาแจ้งให้ทางบริษัททราบด้วย”ข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การที่โจทก์ไม่ชำระค่างวดรายเดือนตามสัญญาติดต่อกันมาเป็นเวลา 8 เดือน จำเลยไม่ถือเป็นข้อผิดสัญญาแต่อย่างใด สัญญาจะซื้อจะขายยังมีผลผูกพันกันอยู่ โจทก์มิได้ผิดสัญญา ส่วนข้อความในหนังสือเอกสารหมายจ.5 ที่ว่า “มิฉะนั้นทางบริษัทจะถือว่าท่านสละสิทธิในการจองซื้อ” เป็นข้อความที่จำเลยแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาต่อโจทก์ โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าโจทก์ไม่ชำระค่างวดที่ค้างภายในกำหนด หรือไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้จำเลยทราบ ดังนี้การที่โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยย่อมมีสิทธิทำได้ กรณีจึงเป็นเรื่องต่างฝ่ายต่างยอมเลิกสัญญาต่อกันโดยไม่มีฝ่ายใดผิดสัญญา โจทก์และจำเลยต่างต้องคืนสู่ฐานะเดิมตามป.พ.พ.มาตรา 391 จำเลยจึงต้องคืนเงินมัดจำแก่โจทก์