แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยและขอแบ่งสินสมรสซึ่งรวมทั้งที่ดินแปลงที่พิพาท ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยได้ขอให้ทางราชการออก น.ส.3. และโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องไปในวันเดียวกัน โดยไม่รอฟังผลคำชี้ขาดของศาลเสียก่อน พฤติการณ์ของจำเลยกับผู้ร้องส่อให้เห็นเจตนาร่วมกันที่จะฉ้อฉลโจทก์ เพื่อมิให้ได้รับส่วนแบ่งในที่ดินพิพาทเมื่อศาลมีคำพิพากษาให้หย่าขาดจากกัน ผู้ร้องจึงไม่ได้สิทธิในที่ดินพิพาท
ย่อยาว
โจทก์นำยึดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลยเพื่อนำออกขายทอดตลาดแบ่งให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ซึ่งได้ให้ทางราชการออก น.ส.3 และโอนขายให้แก่ผู้ร้องแล้วจึงขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยทรัพย์ในส่วนของผู้ร้อง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำร้อง และเพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาท ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “เดิมโจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องเป็นหลานเขยของจำเลย ในปี พ.ศ. 2520 โจทก์ได้ฟ้องหย่ากับจำเลยและขอแบ่งสินสมรสซึ่งรวมทั้งที่ดินแปลงพิพาทในคดีนี้ด้วยในระหว่างพิจารณาในคดีนั้น จำเลยได้ให้ทางราชการออก น.ส.3 ที่ดินพิพาทแล้วโอนให้แก่ผู้ร้องไปในวันเดียวกัน ต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกันและให้จำเลยแบ่งสินสมรสรวมทั้งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงได้นำยึดทรัพย์สินซึ่งเป็นสินสมรสรวมทั้งที่ดินแปลงพิพาทเพื่อนำออกขายทอดตลาดแบ่งเงินให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่งตามคำพิพากษา ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งปล่อย ปัญหาวินิจฉัยมีว่าการที่จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องดังกล่าวนั้นผู้ร้องกับจำเลยได้สมคบกันฉ้อฉลโจทก์เพื่อมิให้ได้รับส่วนแบ่งหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ตามคำร้อง ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยซึ่งได้ขายและโอนให้แก่ผู้ร้องแล้ว แต่ในชั้นนำสืบกลับเบิกความอ้างว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์กับจำเลย ต่อมาก่อนที่โจทก์จะฟ้องหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับจำเลย โจทก์และจำเลยได้ร่วมกันขายให้แก่ผู้ร้อง ซึ่งเป็นการนำสืบขัดกับที่เคยอ้างไว้ในคำร้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว ข้ออ้างและการนำสืบของผู้ร้องโดยมีจำเลยมาเป็นพยานประกอบคำเบิกความของผู้ร้องดังกล่าวจึงเป็นพิรุธ ทั้งคดียังได้ความอีกว่าในคดีที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยนั้น โจทก์ได้อ้างว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสขอให้จำเลยแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่งเมื่อศาลมีคำพิพากษาให้หย่าขาดจากกัน จำเลยได้ให้การไว้ในคดีนั้นว่า ที่ดินพิพาทเป็นสินส่วนตัวของจำเลย ซึ่งถ้าหากโจทก์และจำเลยได้ร่วมกันขายให้แก่ผู้ร้องไปแล้ว แม้จะยังอยู่ในระหว่างที่ประกาศขายไม่ได้โอนให้แก่ผู้ร้องก็ตาม จำเลยก็น่าจะให้การถึงข้อนี้เป็นประเด็นไว้และในระหว่างที่ศาลพิจารณาคดีอยู่ ก็ปรากฏว่าจำเลยได้ขอให้ทางราชการออกน.ส.3 และโอนที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องไปในวันเดียวกันนั้น โดยไม่รอฟังผลคำชี้ขาดของศาลเสียก่อน พฤติการณ์การกระทำของจำเลยกับผู้ร้องเกี่ยวกับที่ดินพิพาทตามที่ได้ความดังกล่าว ส่อให้เห็นเจตนาร่วมกันที่จะฉ้อฉลโจทก์เพื่อมิให้ได้รับส่วนแบ่งในที่ดินพิพาทเมื่อศาลมีคำพิพากษาให้หย่าขาดจากกันโดยไม่ได้มีการซื้อขายกันจริง ผู้ร้องจึงไม่ได้สิทธิในที่ดินพิพาทแต่อย่างใด”
พิพากษายืน