แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นว่าไม่ชอบอย่างไรหรือเพราะเหตุใดจึงเป็นอุทธรณ์ไม่ชัดแจ้งอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้แล้วพิพากษายืนจึงเป็นการไม่ชอบและไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฎีกาเมื่อโจทก์ฎีกาทำนองเดียวกับที่อุทธรณ์ขึ้นมาอีกโจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย รับ ราชการ ตำรวจ ปฏิบัติ หน้าที่ ผู้ บังคับหมวด พยาบาล มี หน้าที่ ดูแล รับผิดชอบ เก็บ ยา และ พัสดุ ครุภัณฑ์ ทางการแพทย์ จำเลย ละเลย หน้าที่ เป็นเหตุ ให้ ยา และ พัสดุ ครุภัณฑ์ดังกล่าว สูญหาย ไป คิด เป็น เงิน 15,296 บาท เมื่อ จำเลย ทราบ เรื่องแล้ว จำเลย ปกปิด ความจริง และ รายงาน เท็จ ต่อ ผู้บังคับบัญชา เป็นเหตุให้ โจทก์ ได้รับ ความเสียหาย ขอให้ บังคับ จำเลย ชำระ เงิน พร้อมดอกเบี้ย แก่ โจทก์
จำเลย ให้การ ว่า จำเลย ไม่มี หน้าที่ รับผิดชอบ เกี่ยวกับ ทรัพย์สินตาม ฟ้อง จึง ไม่ต้อง รับผิด ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์ โดย ผู้พิพากษา ที่ ได้ นั่งพิจารณา คดี ใน ศาลชั้นต้นรับรอง ว่า มีเหตุ สมควร ที่ จะ อุทธรณ์ ใน ข้อเท็จจริง ได้
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า คดี นี้ ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง โดย วินิจฉัยว่า โจทก์ นำสืบ แต่เพียง ว่า จำเลย ได้รับ คำสั่ง ให้ เป็น ผู้บังคับหมวดพยาบาล ซึ่ง มี หน้าที่ เก็บรักษา ยา และ พัสดุ ทางการ แพทย์ แล้ว พัสดุทางการ แพทย์ หาย ไป แต่ มิได้ นำสืบ ให้ รับฟัง ได้ ตาม ฟ้อง ว่า จำเลยละเลย ต่อหน้า ที่ ไม่ เอาใจใส่ และ ไม่ เก็บ ดูแล รักษา อย่างไร อันเป็น ผลโดยตรง ให้ ทรัพย์สิน หาย ไป ส่วน ที่ เมื่อ จำเลย ทราบ ว่า ทรัพย์สินหาย แล้ว ละเลย ไม่ รายงาน ให้ ผู้บังคับบัญชา ทราบ ก็ มิใช่ เหตุ ที่ ทำให้ทรัพย์สิน หาย เช่นเดียวกัน แม้ จำเลย จะ ได้ รายงาน ให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ มิใช่ ว่า จะ ทำให้ สามารถ ติดตาม เอา ทรัพย์สิน คืน มา ได้ อย่าง แน่แท้จำเลย มิได้ ทำละเมิด ต่อ โจทก์ โจทก์ อุทธรณ์ ว่า การ ที่ จำเลย มี หน้าที่ดูแล รับผิดชอบ เก็บ ยา และ พัสดุภัณฑ์ ทางการ แพทย์ ที่ สูญหาย ไป แต่ จำเลยกลับ ละเลย ปล่อย ให้ ทรัพย์สิน ดังกล่าว หาย ไป ใน ช่วง ที่อยู่ ใน หน้าที่จำเลย โดย ไม่ทราบ สาเหตุ ทั้ง เมื่อ จำเลย ทราบ ว่า ทรัพย์สิน หาย แล้ว ยังกลับ รายงาน เท็จ แก่ ผู้บังคับบัญชา ว่า ของ ยัง อยู่ ครบ ตาม ข้อเท็จจริงที่ ศาลชั้นต้น ฟังได้ นั้น ถือได้ว่า จำเลย กระทำ ประมาท เลินเล่อเป็นเหตุ ให้ โจทก์ ได้รับ ความเสียหาย ตาม ฟ้อง แล้ว และ ต้อง รับผิดต่อ โจทก์ เห็นว่า โจทก์ มิได้ อุทธรณ์ โต้แย้ง คัดค้าน คำวินิจฉัย ของศาลชั้นต้น ว่า ไม่ชอบ อย่างไร หรือ เพราะ เหตุใด จึง เป็น อุทธรณ์ ไม่ชัดแจ้ง อัน ต้องห้าม ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225การ ที่ ศาลอุทธรณ์ รับ วินิจฉัย ให้ แล้ว พิพากษายืน จึง เป็น การ ไม่ชอบ และไม่เป็นเหตุ ให้ โจทก์ มีสิทธิ ฎีกา เมื่อ โจทก์ ฎีกา ทำนอง เดียว กับที่ อุทธรณ์ ขึ้น มา อีก โจทก์ จึง ไม่มี สิทธิ ฎีกา ศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย
พิพากษายก คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ และ ยก ฎีกา โจทก์