คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4746/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานเสพเฮโรอีนกฎหมายประสงค์ลงโทษผู้เสพรับเข้าร่างกายเท่านั้นลักษณะแห่งความผิดไม่เปิดช่องให้ผู้อื่นมาร่วมกระทำความผิดด้วยกันได้ดังนั้นแม้ข้อเท็จจริงจะฟังว่าจำเลยมานั่งร่วมวงอยู่กับคนที่เสพเฮโรอีนก็ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยร่วมเสพเฮโรอีนด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 57, 67, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 และขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 57, 67, 91, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 เรียงกระทงลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี ฐานเสพเฮโรอีนจำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือนริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุก 1 ปี และปรับ 10,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 และให้คุมความประพฤติของจำเลยโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติเดือนละ 1 ครั้ง มีกำหนด 1 ปี ยกฟ้องความผิดฐานเสพเฮโรอีน ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยกระทำความผิดฐานร่วมกันเสพเฮโรอีนหรือไม่นั้น สำหรับความผิดฐานเสพเฮโรอีน กฎหมายประสงค์ลงโทษผู้เสพรับเข้าร่างกายเท่านั้นลักษณะแห่งความผิดไม่เปิดช่องให้ผู้อื่นมาร่วมกระทำความผิดด้วยกันได้ ดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงจะฟังว่าจำเลยมานั่งร่วมวงอยู่กับคนที่เสพเฮโรอีน ก็ไม่อาจจะถือได้ว่าจำเลยร่วมเสพเฮโรอีนด้วย พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยเสพเฮโรอีน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานร่วมกับพวกเสพเฮโรอีน
พิพากษายืน

Share