แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องขอให้ชำระเงินค่าซื้อบ้านที่ค้างอยู่ตามสัญญา ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาขายบ้านให้จำเลยทั้งสองเป็นเงิน ๗๐,๐๐๐ บาท โจทก์รับเงินไว้แล้ว ๕๒,๐๐๐ บาท เงินที่เหลืออีก ๑๘,๐๐๐ บาท จำเลยทั้งสองจะชำระให้เสร็จสิ้นในวันโอนกรรมสิทธิ์ โจทก์ได้จัดการโอนบ้านเสร็จแล้ว จำเลยไม่ชำระราคาที่ค้างอยู่ ๑๘,๐๐๐ บาท และค้างดอกเบี้ยอีก ๖,๑๘๗.๕๐ บาท ขอศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์ ๒๔,๑๘๗.๕๐ บาท
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์จำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กันมาก่อน สัญญาท้ายฟ้องจำเลยที่ ๒ ทำโดยถูกโจทก์หลอกลวง จำเลยที่ ๒ ได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้ว โจทก์ฟ้องโดยมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทั้งสองตกลงซื้อบ้านจากโจทก์ ยังค้างชำระเงินอยู่ ๑๘,๐๐๐ บาท พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน ๑๘,๐๐๐ บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะโจทก์ไม่ฟ้องคดีเสียภายใน ๒ ปี เห็นว่าการฟ้องขอให้ชำระเงินค่าซื้อบ้านที่ค้างอยู่สัญญาไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้ จึงต้องใช้อายุความ ๑๐ ปีตามมาตรา ๑๖๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน.