แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองแยกเป็น 3 ข้อ คือ ก,ขและค การกระทำตามที่บรรยายฟ้องมาแต่ละข้อเป็นความผิดสำเร็จในตัวเอง สำหรับความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรตามฟ้องข้อ กและข นั้น จำเลยทั้งสองรับสารภาพฐานรับของโจรความผิดฐานรับของโจรสำเร็จเมื่อจำเลยทั้งสองรับเอาบัตรเครดิตของธนาคาร ย. ซึ่งออกให้แก่ ด. ไว้ โดยจำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าบัตรเครดิตดังกล่าวได้มาจากการลักทรัพย์ โจทก์ฟ้องในข้อ ค.ว่าหลังจากกระทำความผิดตามฟ้องข้อกและขแล้วจำเลยทั้งสองได้นำบัตรเครดิตของธนาคาร ย. ซึ่งออกให้แก่ ด. ไปซื้อสินค้าที่ร้าน ซ. โดยร่วมกันหลอกลวงพนักงานขายว่าจำเลยที่ 1 ชื่อ ด. จำเลยทั้งสองได้ชำระราคาสินค้าด้วยบัตรเครดิตดังกล่าว โดยจำเลยที่ 1 ปลอมลายมือชื่อของ ด. ลงในเอกสารสิทธิบันทึกการขายในช่องลายมือชื่อผู้ถือบัตรแล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบบันทึกการขายดังกล่าวแก่พนักงานขายของร้าน ซ. การกระทำของจำเลยทั้งสองตามฟ้องข้อ ค. เป็นคนละวาระกันกับการกระทำความผิดฐานรับของโจรทั้งทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดก็แตกต่างกัน กล่าวคือทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดฐานรับของโจรเป็นบัตรเครดิต ส่วนทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดในฟ้องข้อ ค เป็นสินค้าที่จำเลยทั้งสองซื้อจากร้าน ซ. คือ โทรทัศน์สีและเครื่องเล่นวีดีโอเทปฉะนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดหลายกรรม หาใช่กรรมเดียวไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ (ก) ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2542 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 9 ธันวาคม2542 เวลากลางวันติดต่อกัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด มีคนร้ายร่วมกันลักทรัพย์เอาบัตรเครดิต ราคา 100 บาท ของธนาคารยูโรการ์ด เอบี ประเทศสวีเดน ที่ออกให้แก่นายแดเนียล เจลวิ่ง ไป (ข) ต่อมาวันที่ 9 ธันวาคม 2542 เวลากลางวัน ภายหลังกระทำความผิดดังกล่าวแล้ว บัตรเครดิตที่คนร้ายลักไปดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสอง ทั้งนี้ตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าว จำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายร่วมกันลักทรัพย์เอาบัตรเครดิตดังกล่าวไป หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้งสองได้ซื้อหรือรับไว้ด้วยประการใด ๆ ซึ่งบัตรเครดิตที่ถูกลักไปจากคนร้าย โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ (ค) หลังจากจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดดังกล่าวแล้ว ต่อมาวันที่ 9 ธันวาคม 2542 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองโดยเจตนาทุจริตได้ร่วมกันหลอกลวงพนักงานของร้านโซนี่ ยูนิเวอร์ส ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยที่ 1 ชื่อนายแดเนียล เป็นสมาชิกผู้ถือบัตรเครดิตที่จำเลยทั้งสองร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ตกลงซื้อโทรทัศน์สี 1 เครื่อง ราคา 17,290 บาท และเครื่องเล่นวิดีโอเทปจำนวน 1 เครื่อง ราคา 9,440 บาท รวมเป็นเงิน 26,730 บาทโดยชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิตดังกล่าวแล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิบันทึกการขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเอกสารประกอบการใช้บัตรเครดิตสำหรับใช้เป็นหลักฐานในการเรียกเก็บเงินธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)และผู้ถือบัตรเครดิต โดยจำเลยที่ 1 ได้ปลอมลายมือชื่อของนายแดเนียล ลงในเอกสารสิทธิบันทึกการขายในช่องลายมือชื่อผู้ถือบัตรเพื่อให้พนักงานของร้านโซนี่ ยูนิเวอร์ส หรือผู้อื่นที่พบเห็นหลงเชื่อว่าเอกสารสิทธิบันทึกการขายดังกล่าวเป็นเอกสารสิทธิที่นายแดเนียลเป็นผู้ทำขึ้นอันเป็นความเท็จ ซึ่งความจริงแล้วจำเลยที่ 1 มิใช่นายแดเนียลและนายแดเนียลมิได้ซื้อสินค้าดังกล่าวและไม่ได้ลงลายมือชื่อในบันทึกการขายดังกล่าวแล้วจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันส่งมอบแก่พนักงานของร้านโซนี่ ยูนิเวอร์ส เป็นเหตุให้พนักงานของร้านโซนี่ ยูนิเวอร์ส หลงเชื่อรับชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิตดังกล่าว และร้านโซนี่ ยูนิเวอร์ส ได้เรียกเก็บเงินจำนวน 26,730 บาท ตามบันทึกการขายจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้เรียบร้อยแล้ว การกระทำของจำเลยทั้งสองน่าจะเกิดความเสียหายแก่ร้านโซนี่ ยูนิเวอร์ส ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโรการ์ดเอบี นายแดเนียล เจลวิ่ง ผู้อื่น และประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 83, 91, 264, 265, 268, 335, 341, 357 ริบของกลาง กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 26,730 บาท แก่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพฐานรับของโจร ปลอมเอกสารสิทธิ ใช้เอกสารสิทธิปลอมและฉ้อโกง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265, 341, 357 วรรคแรก เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานรับของโจร จำคุกคนละ 2 ปี ฐานปลอมเอกสารสิทธิ ใช้เอกสารสิทธิปลอมและฉ้อโกง เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 268 วรรคสอง จำคุกคนละ 4 ปีรวมจำคุกคนละ 6 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 3 ปี ริบของกลาง เนื่องจากตามรายงานการสืบเสาะของพนักงานคุมประพฤติจำเลยทั้งสองได้ชดใช้เงินจำนวน 26,730 บาท แล้ว จึงให้ยกคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ยกฟ้องความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานรับของโจรจำคุกคนละ 1 ปี ฐานปลอมเอกสารสิทธิ ใช้เอกสารสิทธิปลอมและฉ้อโกง เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 268 วรรคสอง จำคุกคนละ 2 ปีรวมจำคุกคนละ 3 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดกรรมเดียวหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองแยกเป็น 3 ข้อ คือ ข้อ ก, ข และ ค การกระทำตามที่บรรยายฟ้องมาแต่ละข้อเป็นความผิดสำเร็จในตัวเอง สำหรับความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรตามฟ้องข้อ ก และ ข นั้น จำเลยทั้งสองรับสารภาพฐานรับของโจร ความผิดฐานรับของโจรสำเร็จเมื่อจำเลยทั้งสองรับเอาบัตรเครดิตของธนาคารยูโรการ์ด เอบี ซึ่งออกให้แก่นายแดเนียลไว้ โดยจำเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าบัตรเครดิตดังกล่าวได้มาจากการลักทรัพย์ โจทก์ฟ้องในข้อ ค. ว่า หลังจากกระทำความผิดตามฟ้องข้อ ก และ ข แล้ว จำเลยทั้งสองได้นำบัตรเครดิตของธนาคารยูโรการ์ด เอบี ซึ่งออกให้แก่นายแดเนียลไปซื้อสินค้าที่ร้านโซนี่ยูนิเวอร์ส โดยร่วมกันหลอกลวงพนักงานขายว่าจำเลยที่ 1 ชื่อนายแดเนียล จำเลยทั้งสองได้ชำระราคาสินค้าด้วยบัตรเครดิตดังกล่าว โดยจำเลยที่ 1 ปลอมลายมือชื่อของนายแดเนียล ลงในเอกสารสิทธิบันทึกการขายในช่องลายมือชื่อผู้ถือบัตร แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบบันทึกการขายดังกล่าวแก่พนักงานขายของร้านโซนี่ยูนิเวอร์ส การกระทำของจำเลยทั้งสองตามฟ้องข้อ ค เป็นคนละวาระกันกับการกระทำความผิดฐานรับของโจร ทั้งทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดก็แตกต่างกันกล่าวคือ ทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดฐานรับของโจรเป็นบัตรเครดิต ส่วนทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดในฟ้องข้อ ค เป็นสินค้าที่จำเลยทั้งสองซื้อจากร้านโซนี่ยูนิเวอร์ส คือ โทรทัศน์สีและเครื่องเล่นวิดีโอเทป ฉะนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดหลายกรรม หาใช่กรรมเดียวดังที่จำเลยทั้งสองฎีกาไม่ ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน