คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์มีคำขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายและสั่งริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ กับโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ของกลาง และบวกโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำเลยที่ 1 ด้วยเท่านั้น โดยไม่ได้มีคำขอให้ริบเงินจำนวน 82,500 บาท ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบของกลางโดยไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าให้ริบของกลางอะไรบ้าง จึงย่อมหมายถึงเฉพาะของกลางที่โจทก์กล่าวมาในคำขอท้ายฟ้อง การที่ศาลอุทธรณ์เข้าใจว่าศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ริบเงินจำนวน 82,500 บาท ด้วยจึงได้หยิบยกปัญหาว่าเงินของกลางจำนวน 82,500 บาท มิได้เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ซึ่งได้ใช้เฉพาะความผิดในคดีนี้ขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาแก้เป็นว่าไม่ริบเงินจำนวน 82,500 บาท โดยให้คืนเจ้าของ จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 292 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 97, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 58, 83, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนและโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ของกลาง กับบวกโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีก่อนที่ศาลรอการลงโทษไว้ตามฟ้องโจทก์จริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรม ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 10 ปี ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 10 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 21 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 10 ปี 6 เดือน บวกโทษจำคุก 6 เดือนของจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 171/2545 ของศาลชั้นต้น เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 11 ปี ของกลางให้ริบ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 6 ปี และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 6 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมกับโทษในความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นสามกระทง จำคุกคนละ 6 ปี 6 เดือน สำหรับจำเลยที่ 1 บวกโทษในคดีก่อนเข้าด้วย เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 7 ปี ไม่ริบเงิน 82,500 บาท และให้คืนเจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาไม่ริบเงินของกลางจำนวน 82,500 บาท และให้คืนเจ้าของนั้นเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือไม่ เห็นว่า ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์มีคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย และขอให้ศาลได้สั่งริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ กับโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ของกลาง และบวกโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 171/2545 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำเลยที่ 1 ด้วยเท่านั้น โดยไม่ได้มีคำขอให้ริบเงินจำนวน 82,500 บาท ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบของกลางโดยไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าให้ริบของกลางอะไรบ้าง จึงย่อมหมายถึงเฉพาะของกลางที่โจทก์กล่าวมาในคำขอท้ายฟ้อง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 เข้าใจว่าศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ริบเงินจำนวน 82,500 บาทด้วย จึงได้หยิบยกปัญหาว่าเงินของกลางจำนวน 82,500 บาท มิได้เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ซึ่งได้ใช้เฉพาะความผิดในคดีนี้ขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาแก้เป็นว่าไม่ริบเงินจำนวน 82,500 บาท โดยให้คืนเจ้าของ จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 6 ในส่วนที่เกี่ยวกับเงินจำนวน 82,500 บาท ที่สั่งให้คืนเจ้าของนั้นเสีย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share