แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การบรรยายฟ้องคดีแพ่งนั้นไม่จำต้องใช้ถ้อยคำตามกฎหมายเสมอไป
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่า จำเลยได้เช่าที่ดินจากบิดาโจทก์ เมื่อบิดามารดาโจทก์ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ได้รับมรดกที่ดินนั้นและให้จำเลยเช่าต่อมา โดยไม่มีกำหนดเวลาเช่า โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไป และได้บอกเลิกสัญญาเช่าให้จำเลยรื้อห้องแถวออกไปจากที่ดินที่เช่าแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยยังคงอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยไม่มีข้ออ้างตามกฎหมายที่จะอยู่ได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้ เป็นการบรรยายโดยแจ้งชัดแล้วว่าสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับของโจทก์มีว่าอย่างไร และโจทก์อ้างอะไรเป็นหลักแห่งข้อหา แม้โจทก์มิได้ใช้ถ้อยคำในบทกฎหมายว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ แต่ก็เข้าใจได้จากคำฟ้องของโจทก์ว่าเมื่อสัญญาเช่าระงับไปเพราะการบอกเลิกโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยยังคงครอบครองทรัพย์สินของโจทก์อยู่ โดยไม่มีสิทธิอันจะอ้างได้ตามกฎหมายเป็นการจงใจกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหาย คำฟ้องของโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เช่าที่ดินจากนายสุ่ยเส็งบิดาโจทก์ 1 แปลง ใช้ปลูกห้องแถว 3 ห้อง แต่มิได้จดทะเบียนการเช่า ต่อมานายสุ่ยเส็งและนางกาวบิดามารดาโจทก์ถึงแก่กรรม โจทก์ได้รับมรดกที่ดินแปลงนี้มา 1 ห้อง จำเลยยังคงเช่าจากโจทก์ต่อมาโดยไม่มีกำหนดเวลาเช่า โจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลย แต่จำเลยยังคงอยู่ในที่ดินของโจทก์ ขอให้บังคับขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ ฯลฯ
จำเลยให้การว่า โจทก์ประสงค์จะทำสัญญาเช่าใหม่กับจำเลยแต่ไม่ปฏิบัติตามที่นายสุ่ยเส็งตกลงไว้กับจำเลย จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ฟ้องของโจทก์เรื่องค่าเสียหายเคลือบคลุม เพราะไม่กล่าวว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหายและขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ส่งคืนที่ดินในสภาพเรียบร้อยตามสภาพเดิม และห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินต่อไป กับให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การบรรยายฟ้องคดีแพ่งนั้นไม่จำต้องใช้ถ้อยคำตามกฎหมายเสมอไป คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องเป็นใจความว่าจำเลยได้เช่าที่ดินจากบิดาโจทก์ เมื่อบิดามารดาโจทก์ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ได้รับมรดกที่ดินนั้นและให้จำเลยเช่าต่อมาโดยไม่มีกำหนดเวลาเช่า โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไปและได้บอกเลิกสัญญาเช่า ให้จำเลยรื้อห้องแถวออกไปจากที่ดินที่เช่าแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยยังคงอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยไม่มีข้ออ้างตามกฎหมายที่จะอยู่ได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้ เป็นการบรรยายโดยแจ้งชัดแล้วว่าสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับของโจทก์มีว่าอย่างไร และโจทก์อ้างอะไรเป็นหลักแห่งข้อหา แม้โจทก์มิได้ใช้ถ้อยคำในบทกฎหมายว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ แต่ก็เข้าใจได้จากคำฟ้องของโจทก์ว่าเมื่อสัญญาเช่าระงับไปเพราะการบอกเลิกโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยยังคงครอบครองทรัพย์สินของโจทก์อยู่โดยไม่มีสิทธิอันจะอ้างได้ตามกฎหมายเป็นการจงใจกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหาย คำฟ้องของโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่ คำพิพากษาฎีกาที่ 568/2502 ที่จำเลยอ้างรูปเรื่องไม่ตรงกับคดีนี้
พิพากษายืน