คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้จะมีเหตุสมควรที่ผู้ร้องจะเข้ามาเป็นคู่ความในคดีแต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง และศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความแล้ว จึงไม่มีคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาที่ผู้ร้องจะเข้ามาเป็นคู่ความได้อีก ไม่มีประโยชน์ที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความในคดี ศาลชอบที่จะให้จำหน่ายคดีผู้ร้องเสียจากสารบบความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ พร้อมอาคารพาณิชย์รวม 4 คูหา จำเลยทั้งสองอยู่ในอาคารดังกล่าวโดยอาศัยธนาคารกรุงเทพ จำกัด โจทก์ต้องการใช้อาคารทำประโยชน์ ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า อาคารตามฟ้องเป็นของจำเลยทั้งสองปลูกอยู่บนที่ดินที่จำเลยทั้งสองเช่าบุคคลอื่น โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดสืบพยาน ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้เช่าอาคารเลขที่ 090 จากจำเลยที่ 2 เพื่อทำการค้าและพักอาศัย ผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสีย อาจฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ปฏิบัติตามสัญญาเช่าหรืออาจถูกโจทก์ฟ้องหรือบังคับคดี หรือใช้สิทธิไล่เบี้ยหรือให้ใช้ค่าทดแทน และเป็นกรณีจำเป็นเพื่อยังให้ผู้ร้องได้รับความรับรองคุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้องที่มีอยู่ จึงขอเข้ามาเป็นคู่ความในคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “แม้จะมีเหตุสมควรที่ผู้ร้องจะเข้ามาเป็นคู่ความในคดีดังที่ผู้ร้องฎีกา แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าคดีนี้โจทก์ทิ้งฟ้องไม่นำค่าขึ้นศาลมาเสียเพิ่มตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดศาลชั้นต้นได้สั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความแล้ว ตั้งแต่ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดที่สอง โจทก์ไม่อุทธรณ์ คดีถึงที่สุดไปแล้วจึงไม่มีคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาที่ผู้ร้องจะร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความได้อีกต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่มีประโยชน์อย่างใดที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความในคดีขอบแล้ว แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้นยังไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะจำหน่ายคดีของผู้ร้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำหน่ายคดีผู้ร้องเสียจากสารบบความ

Share