แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทนายจำเลยลงนามทราบคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นภายใน 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งต้องถือว่าตัวจำเลยทราบคำสั่งและต้องนำเงินมาชำระค่าฤชาธรรมเนียมภายในกำหนด แม้จะฟังตามที่ทนายจำเลยอ้างว่าจำเลยไปต่างจังหวัด ไม่อาจติดต่อได้ ก็มิใช่พฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุสุดวิสัยที่สมควรอันจะขยายระยะเวลาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 23.
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา หากจำเลยประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วัน
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย ถ้าหากจำเลยติดใจอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของศาลอุทธรณ์
ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนการวางค่าธรรมเนียมภายใน 15 วันอ้างเหตุว่าไม่สามารถติดต่อกับจำเลยให้ชำระค่าธรรมเนียมตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ เพราะจำเลยอยู่ต่างจังหวัด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘คดีมีปัญหาว่าการที่ทนายจำเลยไม่สามารถติดต่อกับจำเลยให้วางเงินค่าธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 10 วัน ตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ เพราะจำเลยไปต่างจังหวัด จะเป็นเหตุสมควรขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมหรือไม่ ปรากฏว่าทนายจำเลยลงนามทราบคำสั่งของศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 20เมษายน 2527 ให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นภายใน 10 วันนับแต่วันทราบคำสั่ง ต้องถือว่าตัวจำเลยทราบคำสั่งและต้องนำเงินมาชำระค่าธรรมเนียมภายในกำหนด การที่จำเลยไม่วางเงินค่าธรรมเนียมศาลภายในกำหนด แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่อ้างว่าจำเลยอยู่ต่างจังหวัด ไม่อาจติดต่อนัดหมายได้นั้น ก็เห็นว่ากรณีไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุสุดวิสัยที่สมควรจะให้จำเลยขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23…ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ขยายเวลานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.