แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยนำหมายเคลื่อนที่จากแห่งหนึ่งไปถึงอีกแห่งหนึ่งโดยผ่านเข้าเขตด่านป่าไม้ของอีกแห่งหนึ่งนั้น โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต่อไปภายหลังที่ไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาตหรือไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 38(1) หรือ (2)อันจะทำให้เป็นความผิดตามมาตรา39,71 จึงเป็นฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1420/2509).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้นำหวายเส้นเล็กซึ่งไม่ใช่หวายตะค้าทองซึ่งเป็นของป่าเคลื่อนที่โดยบรรทุกรถยนต์จากอำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคายไปยังตำบลปลาปาก อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนมผ่านเข้าเขตด่านป่าไม้จังหวัดนครพนมโดยไม่มีใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 39, 71 ซึ่งแก้ไขแล้วและขอให้ริบหวายของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามบทบัญญัติของมาตรา 38 ให้ใช้บังคับถึงการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต่อไปภายหลังที่เข้าลักษณะใดลักษณะหนึ่งของ (1) ถึง (4) ดังนั้นผู้ที่นำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่จะต้องมีใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วยตามมาตรา 39 ก็ต่อเมื่อปรากฏความตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 38สำหรับคดีนี้จะต้องปรากฏว่า จำเลยนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต่อไปภายหลังที่ไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาตแล้วตาม (1)หรือนำไม้ที่ทำโดยไม่ต้องรับอนุญาตไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้วตาม (2) ของมาตรา 38 เพราะหากเป็นการนำไม้หรือของป่าที่ได้รับอนุญาต เมื่อยังไม่ไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาตหรือการนำไม้ที่ทำโดยไม่ต้องรับอนุญาต เมื่อยังไม่ไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรก ก็ยังไม่จำต้องมีใบเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับตามมาตรา 39 การที่โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยนำหวายเคลื่อนที่จากจังหวัดหนองคายมาถึงอำเภอปลาปากจังหวัดนครพนมโดยผ่านเข้าเขตด่านป่าไม้จังหวัดนครพนมโดยไม่ได้ระบุว่าเป็นการนำไม้เคลื่อนที่ต่อไปภายหลังที่ไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาตหรือไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกตามมาตรา 38 (1) หรือ (2)จึงเป็นฟ้องที่บรรยายข้อเท็จจริงขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ทั้งนี้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1420/2509 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดสิงห์บุรีโจทก์ นายชุ้นโพธิทอง จำเลย
พิพากษายืน.