คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2756/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เจ้าหนี้ได้ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดช.กับลูกหนี้ที่2เป็นคดีแพ่งต่อศาลชั้นต้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องสำหรับลูกหนี้ที่2ต้องถือว่าอายุความในส่วนที่เกี่ยวกับลูกหนี้ที่2ไม่เคยสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/17วรรคหนึ่งเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อล่วงพ้นกำหนด10ปีนับแต่วันที่เจ้าหนี้ได้ชำระหนี้แก่ส. อันเป็นวันที่เจ้าหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องกับลูกหนี้ที่2ได้เป็นต้นไปสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จึงขาดอายุความจึงต้องห้ามมิให้ได้รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา94(1)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้(จำเลยทั้งสอง) เด็ดขาดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2533 เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันและหนังสือรับสภาพหนี้เป็นเงิน 115,533.15 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 2
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำการสอบสวนแล้วเห็นว่า ควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ เนื่องจากคดีขาดอายุความต้องห้ามมิให้รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 94(1)
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้จากการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า เจ้าหนี้ได้ทำสัญญาค้ำประกันห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างต่อเทศบาลเมืองสุรินทร์ในวงเงิน 32,500 บาท ในการนี้ลูกหนี้ที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างไว้กับเจ้าหนี้ ต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างผิดสัญญาต่อเทศบาลเมืองสุรินทร์เจ้าหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ไปเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2523 จำนวน 44,000 บาท จากนั้นเจ้าหนี้ได้ฟ้องให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างกับลูกหนี้ทั้งสองให้ชำระหนี้ที่เจ้าหนี้ได้ชำระหนี้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ไป ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างกับลูกหนี้ทั้งสองชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่828/2529 ของศาลชั้นต้น ซึ่งต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาถึงที่สุดแก้เป็นว่า ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันที่เจ้าหนี้ได้จ่ายให้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์จำนวน 44,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2523 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่เจ้าหนี้ และให้ยกฟ้องสำหรับลูกหนี้ทั้งสอง แต่ไม่ตัดสิทธิเจ้าหนี้ในอันที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ภายในกำหนดอายุความ เมื่อลูกหนี้ทั้งสองถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดคดีนี้ เจ้าหนี้จึงยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 2เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2534
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้ว่า สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ขาดอายุความอันต้องห้ามมิให้ได้รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(1) หรือไม่ เจ้าหนี้ฎีกาว่า เมื่อเจ้าหนี้ได้ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างต่อศาลชั้นต้น อายุความที่จะเรียกร้องให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างชำระหนี้ย่อมสะดุดหยุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14 (2) เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้าง ชำระหนี้ให้เจ้าหนี้อายุความย่อมสะดุดหยุดลงต่อไปและเป็นโทษแก่ลูกหนี้ที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 692จึงต้องเริ่มนับอายุความถัดจากวันที่เจ้าหนี้ยื่นฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้าง ในปี 2529 หรือเริ่มนับแต่เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุด คือวันที่23 กันยายน 2531 เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 4มีนาคม 2534 จึงยังไม่พ้นกำหนด 10 ปี เห็นว่า การที่เจ้าหนี้ได้ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดชนินทร์ก่อสร้างกับลูกหนี้ที่ 2เป็นคดีแพ่งต่อศาลชั้นต้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องสำหรับลูกหนี้ที่ 2 ต้องถือว่าอายุความในส่วนที่เกี่ยวกับลูกหนี้ที่ 2 ไม่เคยสะดุดหยุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/17 วรรคหนึ่ง เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่4 มีนาคม 2534 ซึ่งล่วงพ้นกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์2523 ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหนี้ได้ชำระหนี้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ไปอันเป็นวันที่เจ้าหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องกับลูกหนี้ที่ 2ได้เป็นต้นไป สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จึงขาดอายุความ ต้องห้ามมิให้ได้รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 94(1) กรณีไม่อาจนำข้อกฎหมายตามฎีกาของเจ้าหนี้มาปรับกับคดีนี้ได้
พิพากษายืน

Share