แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลยออกจากตึกพิพาทเพราะจำเลยผิดสัญญาเช่าโดยนำตึกพิพาทไปให้ผู้ร้องเช่าช่วง ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยได้โอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทให้ผู้ร้องโดยความยินยอมของโจทก์ โจทก์จึงต้องโอนสิทธิการเช่าให้ผู้ร้องและไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ คำร้อง ของ ผู้ร้องตั้งข้อพิพาทเข้ามาโต้แย้งกับโจทก์ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ร้อง เป็นการแสดงเหตุแห่งการขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) แล้วจึงชอบที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นผู้ร้องสอดได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาและจดทะเบียนการเช่าตึกแถวของโจทก์มีกำหนด ๑๗ ปี ต่อมาจำเลยทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าตึกแถวดังกล่าวให้นายไพบูลย์กับพวก และเกิดการผิดสัญญากันจึงฟ้องร้องกันเป็นคดีในที่สุดจำเลยและนายไพบูลย์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล ให้นายไพบูลย์กับพวกเช่าช่วงตึกพิพาท จำเลยจึงผิดสัญญาเช่าต่อโจทก์เพราะจำเลยไม่มีสิทธินำตึกพิพาทไปให้เช่าช่วง โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยและบริวารไม่ออกไปจากตึกแถวของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่จำเลยและผู้เช่าช่วงอันเป็นบริวารของจำเลยออกไปจากตึกแถวของโจทก์และชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า สัญญาเช่าระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา โจทก์ยินยอมให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าช่วงตึกพิพาทให้ผู้อื่นได้ จำเลยเพียงแต่จะโอนสิทธิการเช่าช่วงให้แก่นายไพบูลย์กับพวก ตามสัญญาประนีประนอมยอมความยังไม่มีผลเป็นการโอนเพราะยังอยู่ระหว่างที่นายไพบูลย์กับพวกชำระเงินให้ครบถ้วนเสียก่อน ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนยื่นคำให้การ นายไพบูลย์กับพวกยื่นคำร้องว่า จำเลยได้ขายตึกแถวพิพาทให้แก่ผู้ร้อง เมื่อโจทก์ยินยอมให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าให้แก่ผู้ร้อง และจำเลยก็ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความจะโอนสิทธิการเช่าให้ผู้ร้องเมื่อผู้ร้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วเช่นนี้ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง ผู้ร้องจึงขอร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม เพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้องที่มีอยู่ ขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนสิทธิการเช่าตึกแถวแก่จำเลย (น่าจะเป็นผู้ร้อง) หากโจทก์ไม่ไปจดทะเบียน ก็ขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗(๑)
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและผู้เช่าช่วงซึ่งเป็นบริวารของจำเลยออกไปจากตึกพิพาทเพราะจำเลยผิดสัญญาเช่าโดยนำตึกพิพาทไปให้ผู้ร้องเช่าช่วง ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องว่าจำเลยได้โอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทให้แก่ผู้ร้องโดยความยินยอมของโจทก์ โจทก์ต้องโอนสิทธิการเช่าให้แก่ผู้ร้อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเห็นว่า คำร้องของผู้ร้องได้แสดงเหตุแห่งการเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม เป็นการร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา๕๑(๑) โดยตั้งข้อพิพาทเข้ามาโต้แย้งกับโจทก์ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ร้อง จึงสมควรให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม
พิพากษายืน.