แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีที่ข้อความในสัญญาซื้อขายชัดแจ้งแล้ว ก็ไม่จำต้องสืบพยานประกอบเพื่อตีความถึงความประสงค์ของคู่สัญญา และปกติประเพณีอีก
การตีความสัญญาซื้อขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยตามสัญญา
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ปฏิบัติผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ย คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า จำเลยจะต้องจ่าค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลสำหรับราคาเนื้อน้ำมันที่สูงขึ้นเกินกว่าสิบเปอร์เซนต์หรือไม่ แต่เป็นข้อกฎหมายที่ศาลแปลวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของสัญญาได้เอง จึงได้งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย แล้ววินิจฉัยว่าตามข้อสัญญาซื้อขายจำเลยไม่ต้องชำระค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลสำหรับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเกินกว่าสิบเปอร์เซนต์แก่โจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายข้อ ๑ โจทก์ผู้ขายและจำเลยผู้ซื้อได้ตกลงซื้อขายผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดต่างๆ โดยกำหนดราคากันแน่นอนว่าน้ำมันแต่ละชนิดราคาเท่าใดซึ่งราคาซื้อขายในสัญญาข้อ ๑ นี้ ตามสัญญาข้อ ๒ วรรคแรกกล่าวไว้ว่า เป็นราคาที่โจทก์จำเลยคู่สัญญาได้ถือเอาราคาตลาดโลกของน้ำมันชนิดต่างๆ ตามประกาศของบริษัทบริติช ปิโตรเลียม ณ เมืองอะบาดาน เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๐๗ ว่ามีราคาเท่าใดมาเป็นเกณฑ์กำหนด ส่วนวรรคสองระบุว่า ราคาที่ตกลงซื้อขายกันจะเปลี่ยนแปลงตามราคาตลาดโลกถ้าราคาตลาดโลกสูงขึ้นไม่เกินกว่าสิบเปอร์เซนต์ โจทก์ผู้ขายยินยอมไม่คิดราคาเพิ่มขึ้น แต่ถ้าราคาตลาดโลกสูงขึ้นเกินกว่าสิบเปอร์เซนต์แล้ว โจทก์จะคิด-ราคา เพิ่มขึ้นเฉพาะส่วนที่สูงกว่าสิบเปอร์เซนต์เท่านั้น และถ้าราคาตลาดโลกลดลงจากอัตราที่กำหนดไว้แล้ว โจทก์ยินยอมลดลงราคาลงให้ตามส่วนของราคาตลาดโลกที่ลดลงนั้น และสัญญาข้อ ๓ ระบุว่า ราคาน้ำมันตามสัญญาข้อ ๑ เป็นราคารวมทั้งภาษีทุกขนิดที่รัฐและเทศบาลเรียกเก็บกับค่าใช้จ่ายอย่างอื่นด้วย ดังนี้ ในเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าสัญญาซื้อขายน้ำมันระหว่างโจทก์กับจำเลย จำเลยผู้ซื้อไม่มีหน้าที่จะต้องชำระค่าภาษีต่างๆ นอกเหนือจากค่าน้ำมัน เพราะราคาซื้อขายน้ำมันที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาข้อ ๑ เป็นราคารวมค่าภาษีต่างๆ ไว้แล้ว โจทก์ผู้ขายจึงมีหน้าที่จะต้องชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเอง สำหรับราคาที่เปลี่ยนแปลงหมายความถึงราคาตลาดโลกของน้ำมันชนิดต่างๆ ที่ระบุไว้ในสัญญาข้อ ๒ วรรคแรก หาใช่ราคาตลาดโลกสูงขึ้นหรือลดลงจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ ๑ เพราะราคาในสัญญาข้อ ๑ ไม่ใช่ราคาตลาดโลก แต่เป็นราคาที่คู่สัญญาตกลงซื้อขายกันซึ่งเป็นราคาที่รวมค่าภาษีกับค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้ว และ ตามสัญญาข้อ ๒ วรรคสองก็ระบุไว้ชัดว่า โจทก์จะคิดราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นได้ เฉพาะส่วนที่ราคาตลาดโลกสูงขึ้นกว่าสิบเปอร์เซนต์เท่านั้น หาได้มีข้อสัญญาระบุว่านอกจากค่าน้ำมันเฉพาะส่วนที่สูงขึ้นกว่าสิบเปอร์เซนต์แล้ว จำเลยจะต้องชำระค่าภาษีในราคาน้ำมันที่โจทก์คิดเพิ่มนั้นด้วยไม่ ดังนี้ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลในราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากจำเลยไม่ได้และกรณีที่ข้อความในสัญญาซื้อขายชัดแจ้งแล้วเช่นนี้ ก็ไม่จำต้องสืบพยานประกอบเพื่อตีความถึงความประสงค์ของคู่สัญญาและปกติประเพณีอีก
พิพากษายืน.