แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเบิกความในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องข้อหากระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้เพียงว่าจำเลยเคยจับโจทก์ในข้อหาว่ากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้มาหลายครั้งแล้ว โดยมิได้ยืนยันว่าโจทก์กระทำผิดในคดีที่จำเลยเบิกความนั้นแม้จำเลยจะเบิกความเช่นนั้นจริงก็เป็นเพียงพยานแวดล้อมไม่มีน้ำหนักและเหตุผลพอฟังลงโทษโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีที่จำเลยเบิกความนั้นได้ข้อที่จำเลยเบิกความจึงมิใช่ข้อสำคัญในคดีอันจะทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานป่ไม้ได้เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาลว่า จำเลยเคยจับกุมโจทก์เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้มาหลายครั้งแล้ว ข้อความเท็จนี้เป็นข้อสำคัญในคดี เพื่อให้ศาลเชื่อว่าโจทก์ได้เคยมีพฤติการณ์กระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้มาก่อน และถ้าศาลเชื่อ โจทก์จะต้องได้รับโทษในคดีนั้นซึ่งเป็นการเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีอาญาที่จำเลยเบิกความมีปัญหาวินิจฉัยว่าจำเลย(โจทก์ในคดีนี้) กระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ตามที่โจทก์กล่าวหาในคดีนั้นจริงหรือไม่ การที่จำเลยเบิกความในคดีนั้นแต่เพียงว่า จำเลยเคยจับโจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวในข้อหาว่ากระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้มาแล้วหลายครั้ง โดยมิได้ยืนยันว่าโจทก์กระทำผิดในคดีที่จำเลยเบิกความนั้น แม้จำเลยจะเบิกความเช่นนั้นจริงก็เป็นเพียงพยานแวดล้อมไม่มีน้ำหนักและเหตุผลพอฟังลงโทษโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีที่จำเลยเบิกความนั้นได้ ฉะนั้นข้อความที่จำเลยเบิกความดังกล่าวแล้วจึงมิใช่ข้อสำคัญในคดีอันจะทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ
พิพากษายืน