แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์เขียนข้อความในนามบัตรถึงจำเลยที่ 1 ว่า เรื่องเงินที่คุณกู้ไปนั้นขอให้ฝาก ป. ไปให้ผม ตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝากป. ไปด้วย ถ้าจะชำระให้ทั้งหมดก็แจ้งให้ผมไปรับเอง ถ้าจะผ่อนชำระผมให้ ป. มารับจากคุณและเขียนหนังสือบอกผมด้วย นามบัตรดังกล่าวจึงเป็นหลักฐานเป็นหนังสือตั้งให้ ป. เป็นตัวแทนโจทก์ในการรับชำระหนี้เงินกู้จากจำเลยที่ 1 ส่วนข้อความที่ว่าตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝาก ป. ไปด้วยก็ดี และเขียนหนังสือบอกผมด้วยก็ดีเป็นเพียงคำขอร้อง ของ โจทก์มีถึงจำเลยที่ 1 มิใช่เป็นเงื่อนไขในการมอบอำนาจให้ ป. รับชำระหนี้แทน การที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้โจทก์ให้ ป.รับไป โดยมิได้เขียนหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบจึงเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์โดยชอบ ป. ตัวแทนโจทก์ทำหนังสือว่าได้รับชำระหนี้เงินกู้จากจำเลยที่ 1 ครบถ้วนแล้ว และลงชื่อ ป. ไว้เป็นหลักฐาน จึงเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อตัวแทนของโจทก์ผู้ให้กู้ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง แล้ว ไม่จำต้องรับเวนคืนสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์อีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์จำนวน 18,400 บาทตกลงดอกเบี้ยชั่งละ 1 บาท ต่อเดือน ชำระคืนภายในเดือนพฤษภาคม 2523โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ โจทก์มีหนังสือทวงถามจำเลยทั้งสองหลายครั้ง แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ครั้งสุดท้ายโจทก์ให้ทนายความมีหนังสือทวงถามเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2529 ให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงโจทก์อ้างว่าได้ชำระหนี้ให้นางปราณีรับไปครบถ้วนตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2524แล้ว ข้ออ้างของจำเลยที่ 1 ใช้ยันโจทก์ไม่ได้ เพราะจำเลยที่ 1ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของโจทก์ที่กำหนดไว้ในการชำระเงินให้นางปราณีแล้วต้องมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบ และไม่ได้เรียกสัญญากู้คืน จำเลยที่ 1 ผิดข้อกำหนดถือได้ว่าเป็นการชำระหนี้ผิดคนจำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ได้ชำระให้โจทก์ครบถ้วนแล้วโดยโจทก์มีหนังสือมอบให้นางปราณีมารับเงินไปจากจำเลยที่ 1 ว่าถ้าจะชำระหนี้ให้หมด ก็ให้จำเลยที่ 1 แจ้งให้โจทก์มารับเองแต่ถ้าผ่อนชำระ โจทก์ตกลงให้นางปราณีรับไปได้ ซึ่งจำเลยที่ 1ได้ผ่อนชำระให้แก่นางปราณีไปหลายครั้ง จนครบถ้วนแล้ว จำเลยที่ 1ขอสัญญากู้คืนจากนางปราณีซึ่งตกลงว่าจะนำมาคืนในภายหลังแต่โจทก์และนางปราณีก็มิได้คืนสัญญากู้ให้จำเลยที่ 1 จึงไม่มีหนี้ใด ๆค้างชำระโจทก์อีก ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้ค้ำประกันเงินกู้ต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำฟ้อง คำให้การและข้อนำสืบของโจทก์และจำเลยที่ 1 ว่าจำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.5 จริง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2523 โจทก์เขียนนามบัตรเอกสารหมาย ล.1 มอบให้นางปราณีไปเก็บเงินจากจำเลยที่ 1และจำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินให้นางปราณีหลายครั้งจนครบถ้วนนางปราณีได้ลงลายมือชื่อรับเงินไว้ด้วยตามเอกสารหมาย ล.3คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 1ได้ปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์โดยชอบแล้วหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว เอกสารหมาย ล.1 มีข้อความว่า “เรียนคุณสลับ ผลาทิพย์ (จำเลยที่ 1) เรื่องเงินที่คุณกู้ไปนั้น ขอให้ฝากคุณปราณีไปให้ผม ตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝากคุณปราณีไปด้วยถ้าจะชำระให้ทั้งหมดก็แจ้งให้ผมไปรับเอง ถ้าจะผ่อนชำระผมให้คุณปราณีมารับจากคุณและเขียนหนังสือบอกผมด้วย” เห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานเป็นหนังสือตั้งนางปราณีเป็นตัวแทนโจทก์ในการรับชำระหนี้เงินกู้รายนี้จากจำเลยที่ 1 และได้ความตามเอกสารหมาย ล.3 ว่า จำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ให้นางปราณีตัวแทนโจทก์โดยการผ่อนชำระหลายครั้งมิได้ชำระให้ทั้งหมดเพียงครั้งเดียวเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขของโจทก์ที่วางไว้โดยถูกต้องตามข้อความที่ว่าถ้าจะผ่อนชำระโจทก์ให้นางปราณีมารับจากจำเลยที่ 1ส่วนข้อความในเอกสารหมาย ล.1 ที่ว่าตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝากคุณปราณีไปด้วยก็ดี และเขียนหนังสือบอกผมด้วยก็ดี ข้อความดังกล่าวเป็นเพียงคำขอร้อง ของ โจทก์มีถึงจำเลยที่ 1 มากกว่า มิใช่เป็นเงื่อนไขในการมอบอำนาจให้นางปราณีรับชำระหนี้แทนโจทก์แต่อย่างใดดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้โจทก์ให้นางปราณีโดยมิได้เขียนหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบ จึงเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์โดยชอบแล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า การชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 มิได้รับสัญญากู้ยืมเงินคืนจากโจทก์เป็นการชำระหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นศาลฎีกาเห็นว่า เอกสารหมาย ล.3 ระบุไว้ชัดแจ้งว่านางปราณีตัวแทนของโจทก์ได้รับชำระหนี้เงินกู้จากจำเลยที่ 1 ครบถ้วนตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2524 แล้ว โดยนางปราณีลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน จึงเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อตัวแทนของโจทก์ผู้ให้กู้ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้เงินกู้ยืมให้โจทก์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสองแล้วไม่จำต้องรับเวนคืนสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์อีก ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน