คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 274/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้ว 3 ครั้งอันมิใช่ความผิดฐานลหุโทษหรือฐานประมาทนั้น จะถือว่าจำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายอันจะลงโทษกักกันแก่จำเลยหรือไม่นั้น อยู่ในดุลยพินิจของศาล

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง จำเลยรับสารภาพ คดีได้ความว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้ว ๓ ครั้ง ซึ่งมิใช่ความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษ ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำผิดของจำเลยเป็นเหตุร้ายและมิใช่ความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษ ต้องตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย จึงพิพากษาให้ส่งตัวจำเลยไปกักกันมีกำหนด ๓ ปี.
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าแม้จำเลยจะต้องโทษจำคุกมาแล้ว ๓ ครั้งด้วยความผิดที่มิใช่ประมาทหรือลหุโทษก็ดี แต่การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายหรือไม่นั้นตกอยู่ในดุลพินิจของศาล ฉะเพาะเรื่องจำเลยถูกจำคุกครั้งแรก ๑ ปีฐานลักทรัพย์ พ้นโทษเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๓ คือ ๒๐ ปีมาแล้ว ครั้งที่ ๒ ต้องโทษฐานทำร้ายร่างกายจำคุก ๓ เดือน พ้นโทษเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๗ ซึ่งระยะเวลาห่างไกลกับโทษครั้งแรกมากส่วนความผิดครั้งที่ ๓ ฐานทำร้ายร่างกายศาลจำคุก ๑๐ วัน นับเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่ปรากฏว่าพ้นโทษไปเมื่อใด หากจำเลยพ้นโทษไปก่อนวันใช้ พ.ร.บ.กักกันฯ ก็จะยก พ.ร.บ.กักกันฯ มาใช้บังคับแก่จำเลยไม่ได้ ดั่งนี้คดียังไม่พอถือว่าจำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้าย ยังไม่ควรลงโทษกักกันจำเลย จึงพิพากษายืน.

Share