คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ปัญหาว่าการเพิ่มโทษจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 93, 33 ริบไขควงของกลาง และเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษมาแล้วตามฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(8) วรรคสอง (ที่ถูกต้อง 335(3)(4)(8) วรรคสอง) จำคุก 4 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี ริบไขควงของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่เพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เมื่อลดโทษจำคุกให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงลงโทษจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาในข้อแรกว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าจำเลยมิได้เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ มิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ศาลอุทธรณ์ต้องไม่รับวินิจฉัยให้นั้น เห็นว่าแม้อุทธรณ์ข้อนี้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นก็ตาม แต่ปัญหาว่าการเพิ่มโทษจำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นมาอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195วรรคสอง ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

สำหรับข้อที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยเป็นบุคคลเกี่ยวกับจำเลยในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 3056/2541 ของศาลชั้นต้น จึงต้องเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 นั้นเห็นว่า ในชั้นพิจารณาศาลได้สอบถามจำเลยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวจำเลยได้ให้การรับสารภาพและลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนการพิจารณาโดยไม่ได้โต้แย้งหรือทักท้วงแต่ประการใด ประกอบกับลายนิ้วมือของจำเลยในคดีนี้และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3056/2541 ของศาลชั้นต้นนั้น กองทะเบียนประวัติอาชญากรระบุว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันตามเอกสารท้ายฎีกาหมายเลข 10 แผ่นที่ 2 จึงเชื่อว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3056/2541 ของศาลชั้นต้น และต้องเพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 ที่ศาลอุทธรณ์ไม่เพิ่มโทษจำเลยนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่าให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share