แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยเบิกความมิใช่ข้อสำคัญในคดี พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยเบิกความเป็นข้อสำคัญแต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยว่าข้อความเหล่านั้นมีมูลเป็นความเท็จหรือไม่ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วมิได้วินิจฉัยพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง กลับหมายเรียกจำเลยแก้คดีมิได้ประทับฟ้อง แล้วสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นด้วย คำพิพากษาศาลชั้นต้นฉบับที่ 2 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับที่ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับที่ 2 คำพิพากษาศาลชั้นต้นฉบับที่ 2 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เบิกความเท็จอันเป็นข้อสำคัญในคดีในการพิจารณาคดีของศาลแพ่งในชั้นไต่สวนคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า ข้อความที่จำเลยเบิกความไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อความที่จำเลยเบิกความเป็นข้อสำคัญในส่วนที่ศาลจะมีคำสั่งตามคำขอ แต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยเบิกความเหล่านั้นเป็นความเท็จหรือไม่ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วหมายเรียกจำเลยแก้คดี ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลย และวินิจฉัยว่าพยานโจทก์ยังฟังไม่ถนัดว่าจำเลยได้เบิกความต่อศาลด้วยข้อความอันเป็นเท็จ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อความที่จำเลยเบิกความเป็นข้อสำคัญในคดี ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยไปเลยทีเดียวว่า ข้อความที่จำเลยเบิกความนั้นมีมูลเป็นความเท็จหรือไม่ แต่ศาลอุทธรณ์ได้ใช้อำนาจดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ได้ยกคำพิพากษาเท็จหรือไม่ ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไปว่า ข้อความที่จำเลยเบิกความนั้นมีมูลเป็นความเท็จหรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอน ถ้าเห็นว่าคดีมีมูลก็ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไป ถ้าเห็นว่าคดีไม่มีมูลก็ให้พิพากษายกฟ้อง แต่ศาลชั้นต้นหาได้ปฏิบัติเช่นนั้นไม่ เมื่ออ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นกลับหมายเรียกจำเลยมาให้การ แล้วสืบพยานโจทก์จำเลยไปโดยยังมิได้ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา ดังนั้น กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น คำพิพากษาของศาลชั้นต้น (ฉบับที่ ๒) คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ฉบับที่ ๒) จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและหามีผลแต่อย่างใดไม่
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับที่ ๒ และคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฉบับที่ ๒ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับแรก