คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไปรษณียนิเทศ พ.ศ. 2524 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 และมาตรา 4แห่งพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519 ที่ใช้บังคับในขณะนั้น ข้อ 351 กำหนดว่า ในกรณีนำจ่าย ณ ที่อยู่ของผู้รับการสื่อสารแห่งประเทศไทยถือว่า บุคคลต่อไปนี้เป็นผู้แทนของผู้รับคือ บุคคลซึ่งอยู่หรือทำงานในบ้านเรือนหรือสำนักทำการงานของผู้รับเมื่อปรากฏว่าการส่งแบบแจ้งการประเมินโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับได้ส่งไปยังสถานที่อันเป็นสำนักทำการงานของผู้รับซึ่งได้รื้อถอนไปก่อนแล้ว ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้เซ็นรับเอกสารแทนผู้รับเป็นใครเกี่ยวพันกับผู้รับอย่างไร และการเซ็นรับกระทำที่อาคารหลังใดเช่นนี้ แม้ผู้รับจะยังมิได้จดทะเบียนเลิกห้างหรือแจ้งย้ายภูมิลำเนาไปจากเดิมก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่าการแจ้งการประเมินดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประกอบกิจการค้าน้ำมันได้ทำสัญญาเช่าปั๊มน้ำมันเลขที่ 151 ถนนเจริญเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานครจากบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ได้ดำเนินกิจการจนถึงวันที่ 1กุมภาพันธ์ 2524 จึงเลิกสัญญาและบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทยได้รื้อสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไป เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2524 โจทก์ไปที่เขตปทุมวัน ได้พบเจ้าหน้าที่สรรพากรประจำสำนักงานสรรพากรเขตปทุมวัน แจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2524 ไปยังโจทก์โดยส่งไปยังบ้านเลขที่ดังกล่าวข้างต้น โจทก์เห็นว่าวิธีการแจ้การประเมินไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงได้อุทธรณ์การประเมินคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์อ้างว่ายื่นอุทธรณ์เกินกำหนด โจทก์เห็นว่าการแจ้งการประเมินและการไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ไม่ชอบเพราะการแจ้งการประเมินตามหนังสือลงวันที่26 สิงหาคม 2524 ส่งไปยังโจทก์ยังบ้านเลขที่ดังกล่าวข้างต้นนั้นบ้านเลขที่ดังกล่าวได้รื้อถอนออกไปหมด ไม่มีอาคารใดหลงเหลืออยู่จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้รับหนังสือดังกล่าวเพราะโจทก์คนงานหรือลูกจ้างของโจทก์ไม่ได้อยู่ในที่ดินดังกล่าวไม่มีสำนักงานหรืออาคารตั้งอยู่ให้ปิดเอกสารดังกล่าวได้ การแจ้งการประเมินจึงไม่ชอบและถือว่าโจทก์ยังไม่ทราบการประเมินดังกล่าว โจทก์อุทธรณ์การประเมินในวันที่ 15 ตุลาคม 2524 ยังไม่เกิน 30 วัน คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต้องรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณา ขอให้พิพากษาว่าการแจ้งการประเมินตามหนังสือลงวันที่ 29 สิงหาคม 2524 ไม่ชอบด้วยกฎหมายและให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณา
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยได้แจ้งการประเมินโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังสำนักงานแห่งใหญ่ของโจทก์ตามบ้านเลขที่ดังกล่าวข้างต้น โจทก์ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินดังกล่าวเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2524 แต่มิได้นำเงินภาษีไปชำระต่อมาวันที่ 15 ตุลาคม 2524 โจทก์ยื่นอุทธรณ์การประเมินซึ่งเกินกำหนดเวลาตามมาตรา 30 แห่งประมวลรัษฎากรคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ ในขณะแจ้งการประเมินนั้นสำนักงานแห่งใหญ่ของโจทก์ยังมิได้รื้อถอนไป การแจ้งการประเมินจึงชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์ยื่นอุทธรณ์การประเมินเกินกำหนด 30 วัน การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์จึงชอบแล้ว
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาว่า การแจ้งการประเมินไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณา
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ปั๊มน้ำมันของโจทก์ได้ถูกรื้อถอนออกไปตั้งแต่เดือนมกราคม 2524 การส่งแบบแจ้งการประเมินตามหนังสือลงวันที่ 26 สิงหาคม 2524 มีหญิงชื่อสุภาพรเป็นผู้ลงชื่อในใบตอบรับ และในใบตอบรับก็มิได้ระบุว่าหญิงดังกล่าวมีความเกี่ยวพันกับโจทก์อย่างไร แล้ววินิจฉัยว่า การส่งแบบแจ้งการประเมินดังกล่าวเป็นการส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ จึงต้องบังคับตามไปรษณียนิเทศ พ.ศ. 2524 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22แห่งพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 และมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519 ซึ่งใช้บังคับขณะพิพาทกันในคดีนี้ ไปรษณียนิเทศดังกล่าวข้อ 351 กำหนดว่า ในกรณีนำจ่าย ณที่อยู่ของผู้รับ การสื่อสารแห่งประเทศไทยถือว่าบุคคลต่อไปนี้เป็นผู้แทนของผู้รับคือ บุคคลซึ่งอยู่หรือทำงานในบ้านเรือน หรือที่สำนักทำการงานของผู้รับ เจ้าหน้าที่รับรองหรือผู้ดูแลของโรงแรมหรืออาคาร ผู้ทำหน้าที่เวรรับหรือส่งหรือเวรรักษาการณ์ของสำนักงานโรงเรียนและหน่วยทหาร แต่การส่งแบบแจ้งการประเมินในกรณีนี้ไม่อาจทราบได้ว่าผู้เซ็นรับเอกสารนี้มีความเกี่ยวพันกับโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับอย่างไรทั้ง ๆ ที่บุรุษไปรษณีย์ผู้ส่งมีหน้าที่ต้องให้ผู้เซ็นรับกรอกข้อความในช่องที่ว่าเกี่ยวพันกับผู้รับอย่างไร แต่ก็หาได้กระทำไม่ ตามใบตอบรับก็ระบุไว้ชัดว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดกิจวิวัฒน์บริการเป็นผู้รับและข้อเท็จจริงฟังได้ชัดว่าขณะนายประเสริฐส่งเอกสารดังกล่าวให้โจทก์นั้น ได้มีการรื้อถอนปั๊มน้ำมันอันเป็นสำนักงานของโจทก์ไปแล้ว เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงให้ฟังได้ว่าผู้เซ็นรับเอกสารนั้นเป็นใครเกี่ยวพันกับโจทก์อย่างไรทั้งไม่ปรากฏว่าการเซ็นรับกระทำที่อาคารหลังใดจึงฟังไม่ได้ว่าการแจ้งการประเมินตามหนังสือฉบับลงวันที่ 26 สิงหาคม 2524 ของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ชอบด้วยกฎหมาย การที่โจทก์ยังมิได้จดทะเบียนเลิกห้าง ทั้งมิได้แจ้งย้ายภูมิลำเนาโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ตั้งปั๊มน้ำมันใหม่หาทำให้การส่งเอกสารดังกล่าวที่ไม่ชอบกลายเป็นการส่งที่ชอบได้ไม่
พิพากษายืน.

Share