คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินทั้งส่วนที่เป็นของโจทก์ และส่วนที่เป็นของ พ. ที่อยู่ติดต่อกันเป็นการกระทำความผิดคนละกรรมกันเพราะมิใช่เป็นการกระทำครั้งเดียวกัน แต่เป็นการกระทำต่อเนื่องกันแม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องคดีของ พ. คดีถึงที่สุดแล้วก็ตามสิทธิที่จะนำคดีมาฟ้องของโจทก์หาระงับไปไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ลงโทษจำคุก 1 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว… ฎีกาข้อต่อไปของจำเลยมีว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับเพราะที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินของคนหลายคน เมื่อนางแพงเจ้าของคนหนึ่งใช้สิทธิฟ้องจำเลย ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธิของโจทก์ย่อมระงับไปนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติดังได้วินิจฉัยข้างต้นไว้แล้วว่าที่ดินพิพาทมิใช่มรดกของนายแดงผู้ตายที่ยังไม่ได้แบ่งแต่ประการใด แต่เป็นมรดกของนายแดงซึ่งโจทก์ได้รับส่วนแบ่งมาส่วนหนึ่งจากที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 924 แล้วได้ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของเป็นส่วนสัดตั้งแต่ปี 2529 ดังนั้น การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปทำคันนาทั้งส่วนที่เป็นของโจทก์และส่วนที่เป็นของนางแพงต่อเนื่องกัน และจำเลยถูกนางแพงฟ้องข้อหาฐานบุกรุกและศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไปแล้วนั้นก็เป็นเรื่องเฉพาะกรรมที่จำเลยกระทำต่อที่ดินส่วนที่เป็นของนางแพง หาเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยที่กระทำต่อที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ไม่ เพราะเป็นคนละกรรมกันมิใช่เป็นการกระทำครั้งเดียวกัน แต่เป็นการกระทำต่อเนื่องกันฉะนั้นแม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องคดีของนางแพงคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม สิทธิที่จะนำคดีมาฟ้องของโจทก์หาระงับไปไม่…”
พิพากษาแก้เป็นว่า และให้ปรับจำเลย 2,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามมาตรา 29, 30 โทษจำคุกเห็นสมควรให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี ตามมาตรา 56 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1.

Share