คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2530

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยได้มีคำสั่งกำหนดเงินส่วนแบ่งจากค่าโดยสารให้แก่พนักงานเก็บค่าโดยสารแก้ไขเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนแบ่งจากคำสั่งเดิม สหภาพแรงงานผู้ปฏิบัติงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ซึ่งโจทก์เป็นสมาชิกอยู่ด้วยมิได้ทักท้วง ย่อมมีผลเป็นว่าสหภาพแรงงานฯ ได้เห็นชอบตามคำสั่งของจำเลยและเมื่อโจทก์เข้าเป็นลูกจ้างของจำเลยจนถึงวันฟ้องโจทก์ก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยโดยยอมรับเอาเงินส่วนแบ่งจากรายได้ค่าโดยสารตามอัตราที่กำหนดไว้ตลอดมาโดยมิได้โต้แย้งคัดค้าน โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาส่วนแบ่งจากรายได้ค่าโดยสารนอกเหนือไปจากที่กำหนดอัตราไว้ในคำสั่งดังกล่าวของจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำรายวันทำหน้าที่พนักงานเก็บค่าโดยสาร และกำหนดให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งจากการขายตั๋วโดยสารแต่ละวันในอัตราต่ำกว่าข้อตกลงที่จำเลยมีต่อลูกจ้างแต่ก่อน สัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินส่วนแบ่งที่ขาดไปจำนวน 7,574.75 บาทพร้อมดอกเบี้ย กับให้จำเลยจ่ายเงินส่วนแบ่งจากการขายตั๋วโดยสารให้โจทก์ตามที่กำหนดในข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิมของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้มีคำสั่งก่อนที่โจทก์จะเข้าเป็นลูกจ้างของจำเลยว่า ลูกจ้างที่เข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานเก็บค่าโดยสารตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2528 จะได้รับเงินส่วนแบ่งจากค่าโดยสารตามคำสั่งของจำเลยที่ 213/2528 และต่อมาจำเลยได้มีคำสั่งที่ 367/2528 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2528 ให้เพิ่มเงินส่วนแบ่งค่าโดยสารให้แก่พนักงานเก็บค่าโดยสารที่เข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2528 อีกร้อยละหนึ่ง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างที่เป็นผลให้โจทก์ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น โจทก์เข้าทำงานเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2528 จึงมีผลผูกพันคำสั่งดังกล่าว ส่วนคำสั่งที่ 1554/2525 ใช้บังคับกับลูกจ้างของจำเลยก่อนวันที่ 20 พฤษภาคม 2528 เมื่อจำเลยได้ออกคำสั่งเกี่ยวกับการจ่ายเงินส่วนแบ่งค่าโดยสารขึ้นใหม่ ไม่ปรากฏว่ามีสหภาพแรงงานใดทักท้วง คำสั่งของจำเลยย่อมใช้ได้และชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “โจทก์อุทธรณ์ว่าคำสั่งของจำเลยที่ 1554/2525 เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างซึ่งใช้บังคับกับพนักงานเก็บค่าโดยสารประจำรายวันที่เป็นลูกจ้างของจำเลย การที่จำเลยแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเฉพาะพนักงานเก็บค่าโดยสารประจำรายวันที่จำเลยรับเป็นลูกจ้างภายหลังให้ได้รับผลตอบแทนแตกต่างกับพนักงานเก็บค่าโดยสารเดิมในอัตราที่ต่ำกว่าตามคำสั่งที่ 213/2528 และที่ 367/2528 โดยที่จำเลยมิได้ยื่นข้อเรียกร้อง สัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยจึงขัดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ. 2518 มาตรา 20 พิเคราะห์แล้วได้ความว่า เดิมจำเลยได้มีคำสั่งที่ 1560/2523 ตามเอกสารหมาย ล.1 กำหนดเงินส่วนแบ่งจากค่าโดยสารให้แก่พนักงานเก็บค่าโดยสารไว้ตามข้อ 2 ต่อมาได้มีคำสั่ง 62/2524 เอกสารหมาย ล.1 ให้ยกเลิกคำสั่งที่ 1560/2523แล้วได้มีคำสั่ง 715/2524 เอกสารหมาย ล.2 ยกเลิกคำสั่งที่62/2524 จนวันที่ 6 พฤศจิกายน 2525 จำเลยได้มีคำสั่งที่1554/2525 เอกสารหมาย ล.3 ยกเลิกคำสั่งที่ 715/2524 ต่อมาวันที่ 20 พฤษภาคม 2528 จำเลยได้มีคำสั่งที่ 210/2528 ตามเอกสารหมาย ล.4 กำหนดอัตราส่วนแบ่งจากรายได้ค่าโดยสารใหม่และได้ใช้บังคับตลอดมาจนถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2528 จำเลยจึงได้มีคำสั่งที่ 367/2528 ตามเอกสารหมาย ล.5 กำหนดอัตราส่วนแบ่งจากรายได้ค่าโดยสารขึ้นใหม่โดยให้เพิ่มตามขั้นตอนเดิมอีกร้อยละ 1 ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนแบ่งตามเอกสารหมาย ล.4และหมาย ล.5 นี้ สหภาพแรงงานผู้ปฏิบัติงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพซึ่งโจทก์เป็นสมาชิกอยู่ด้วยนั้นมิได้ทักท้วง ศาลฎีกาเห็นว่าตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ระหว่างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพกับ สหภาพแรงงานผู้ปฏิบัติงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2526 เอกสารหมาย ล.13ข้อ 23 มีข้อความว่า กรณีที่องค์การ ๆ ได้ออกข้อบังคับ ระเบียบคำสั่ง หนังสือเวียนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานอันเกี่ยวกับกิจการขององค์การฯ องค์การฯ จะส่งสำเนาให้สหภาพแรงงานในองค์การฯหากสหภาพแรงงานเห็นว่าไม่เป็นธรรมในการถือปฏิบัติให้ทักท้วงเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน ซึ่งได้ความตามที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่า สหภาพแรงงานผู้ปฏิบัติงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพซึ่งโจทก์เป็นสมาชิกไม่เคยทักท้วง ย่อมมีผลเป็นว่าสหภาพแรงงานผู้ปฏิบัติงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพซึ่งมีสิทธิและหน้าที่ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของสมาชิกได้เห็นชอบตามคำสั่งของจำเลยดังกล่าวแล้วนอกจากนั้นยังได้ความอีกว่าเมื่อโจทก์เข้าเป็นลูกจ้างของจำเลยตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2528จนถึงวันที่ 2 เมษายน 2529 ซึ่งเป็นวันฟ้องคดีนี้โจทก์ปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 367/2528 โดยยอมรับเอาเงินส่วนแบ่งรายได้ค่าโดยสารตามอัตราที่กำหนดไว้ตลอดมา โดยมิได้โต้แย้งคัดค้านโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินส่วนแบ่งจากรายได้ค่าโดยสารนอกเหนือไปจากที่กำหนดอัตราไว้ในคำสั่งของจำเลยที่ 367/2528 ได้”
พิพากษายืน

Share