คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ในชั้นศาลฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ลำพังแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งจำเลยทุกคนต่างปฏิเสธในขั้นพิจารณา ไม่อาจนำมาฟังลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ร่วมกันลักกระบือที่มีไว้สำหรับใช้ในการกสิกรรม ๒ ตัว ราคา ๑๐,๐๐๐ บาท ของนายปั่น โกฎิประภา ผู้มีอาชีพกสิกรรม โดยใช้รถยนต์บรรทุกเป็นพาหนะบรรทุกกระบือดังกล่าวไป ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๓๖ ทวิ, ๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๓ ริบของกลาง ฯลฯ
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๓๖ ทวิ, ๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๓ ให้จำคุกคนละ ๒ ปี ของกลางริบ ฯลฯ
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานโจทก์ฟังลงโทษจำเลยทั้งสี่ไม่ได้ พิพากษากลับเป็นให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ตำรวจจับจำเลยโดยสงสัยว่าเป็นคนร้ายลักกระบือของผู้เสียหายเท่านั้น ไม่มีพยานอื่นยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้าย พยานโจทก์จึงมีแต่เพียงสงสัยว่าจำเลยเป็นคนร้าย จะนำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ในชั้นศาลฟังลงโทษจำเลยไม่ได้เช่นนี้แล้ว ลำพังแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งจำเลยทุกคนต่างปฏิเสธในชั้นพิจารณา ไม่อาจนำมาฟังลงโทษจำเลยได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share