แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งรับอุทธรณ์จำเลยทั้งสาม โดยกำหนด ให้จำเลยทั้งสามนำส่งสำเนาให้โจทก์ภายใน 7 วัน ถ้าส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้มิฉะนั้นจะถือว่าทิ้งฟ้อง แต่โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดพัทลุง ศาลชั้นต้นได้มีหนังสือ แจ้งให้ศาลจังหวัดพัทลุงดำเนินการส่งหมายนัดและ สำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์แทน แสดงว่าจำเลยทั้งสามมิได้ เป็นผู้นำส่งแต่เป็นกรณีส่งหมายข้ามเขตโดยเจ้าพนักงานเดินหมายเป็นผู้ส่งเอง ต่อมาศาลจังหวัดพัทลุงแจ้งศาลชั้นต้นว่าส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานผลการส่งหมายแต่เพียงว่ารอจำเลยทั้งสามแถลงเมื่อศาลชั้นต้นยังไม่ได้แจ้งให้จำเลยทั้งสามทราบว่าเจ้าพนักงานเดินหมายของศาลจังหวัดพัทลุงส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ไม่ได้ จำเลยทั้งสามย่อมไม่มีโอกาสทราบถึงผลของการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ ดังนั้นแม้จำเลย ทั้งสามจะมิได้แถลงให้ดำเนินการต่อไปก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามไม่ได้ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดอันเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 90,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันละเมิด คือวันที่ 27 ธันวาคม 2538 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ และให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าที่โจทก์ชนะคดีโดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นได้รับรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ 21 เมษายน 2540 ว่า ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ไม่ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรอจำเลยทั้งสามแถลงเมื่อวันที่12 มีนาคม 2540 จนเวลาล่วงเลยมานานจำเลยทั้งสามไม่ยื่นคำแถลงแต่ประการใด ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทั้งสามทิ้งอุทธรณ์จึงรวบรวมสำนวนส่งศาลอุทธรณ์ภาค 3
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 3
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่า ในวันที่จำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับอุทธรณ์จำเลยทั้งสาม สำเนาให้โจทก์ ให้จำเลยทั้งสามนำส่งภายใน 7 วัน นับแต่วันนี้ (วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2540) ส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน7 วัน นับแต่ส่งไม่ได้มิฉะนั้นจะถือว่าทิ้งอุทธรณ์ มีหนังสือถึงศาลจังหวัดพัทลุงจัดการให้ ต่อมาศาลจังหวัดพัทลุงส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานผลการส่งหมายว่า รอจำเลยทั้งสามแถลง เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2540จนถึงวันที่ 21 เมษายน 2540 จำเลยทั้งสามก็ไม่ได้แถลงให้ศาลชั้นต้นทราบว่าจะดำเนินการอย่างใดต่อไป คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามว่า จำเลยทั้งสามทิ้งฟ้องอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดพัทลุง ศาลชั้นต้นจึงได้มีหนังสือแจ้งให้ศาลจังหวัดพัทลุงดำเนินการส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์แทน แสดงว่าจำเลยทั้งสามมิได้เป็นผู้นำส่ง แต่เป็นกรณีส่งหมายข้ามเขตโดยเจ้าพนักงานเดินหมายเป็นผู้ส่งเอง เมื่อศาลชั้นต้นยังไม่ได้แจ้งให้จำเลยทั้งสามทราบว่าเจ้าพนักงานเดินหมายของศาลจังหวัดพัทลุงส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ไม่ได้ จำเลยทั้งสามย่อมไม่มีโอกาสทราบถึงผลของการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ ดังนั้น แม้จำเลยทั้งสามมิได้แถลงให้ดำเนินการต่อไปก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามไม่ได้ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด อันเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของจำเลยทั้งสามนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ศาลชั้นต้นแจ้งให้จำเลยทั้งสามทราบถึงผลของการส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่โจทก์แล้วดำเนินการต่อไป