แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 6 เดือนและปรับ 6,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษไว้ กรณีถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับ อันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ถือว่าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาล ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 72 จำคุก 1 ปี6 เดือน ปรับ 6,000 บาท รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี ของกลางริบให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนภายใน 1 ปี โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนักและไม่รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุก 1 ปี โดยไม่ปรับและไม่รอการลงโทษให้ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 6 เดือน และปรับ 6,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษไว้ กรณียังถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยเกินหนึ่งปี ดังนั้นแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับอันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ถือว่าศาลอุทธรณ์ก็ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปีจึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้”
พิพากษายกฎีกาของจำเลย