แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลภาษีอากรกลางสั่งว่า คดีนี้จำเลย อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรฯมาตรา 17 จึงไม่รับอุทธรณ์จำเลย
จำเลยเห็นว่า การที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรฯ ซึ่งเป็นบททั่วไปนั้นไม่ชอบด้วยเหตุผล เพราะพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรฯ ได้บัญญัติเรื่องการอุทธรณ์ไว้ชัดเจนแล้ว โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของ จำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 43)
คดีทั้งสองสำนวน ศาลรวมการพิจารณาเข้าด้วยกัน
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้า และขอให้งด เบี้ยปรับและเงินเพิ่มภาษีการค้าให้แก่โจทก์ด้วย
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้า และคำวินิจฉัยอุทธรณ์เฉพาะเบี้ยปรับ และให้งดเบี้ยปรับแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย
จำเลยทั้งสองสำนวนต่างอุทธรณ์ ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยสำนวนแรก (อันดับ 37,38)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 40)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ข้อจำกัดอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงของคดีภาษีอากรมีพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรฯ มาตรา 25บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว จึงไม่อาจนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ซึ่งให้ถือทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ มาอนุโลมใช้บังคับ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรฯ มาตรา 17 ได้การพิจารณาจำนวนทุนทรัพย์ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงของคดีภาษีอากร จึงต้องถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในศาลภาษีอากรกลาง มิใช่ทุนทรัพย์ในชั้นอุทธรณ์ คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้าตามหนังสือแจ้งภาษีการค้า 3 ฉบับ รวมเป็นเงิน 220,022 บาทซึ่งมีทุนทรัพย์เกินห้าหมื่นบาท คดีไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรฯ มาตรา 25จึงให้รับอุทธรณ์ของจำเลย ให้ศาลภาษีอากรกลางดำเนินการต่อไป