แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟ้องซิเอร์ พ.ศ. 2522 มาตรา 44 วรรคแรก การตั้งบุคคลใดเป็นตัวแทนหรือนายหน้าของบริษัทหลักทรัพย์ต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน หมายความถึงเฉพาะการตั้งตัวแทนหรือนายหน้าเพื่อให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เท่านั้นที่จะต้องขออนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน ส่วนการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแม้จะถือว่าเป็นการตั้งตัวแทนก็ไม่ต้องขออนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพราะการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเป็นอำนาจทั่วไปที่บุคคลมีอยู่ตามกฎหมาย การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่เรื่องซื้อขายหุ้นตามปกติแต่เป็นการซื้อขายหุ้นในกรณีพิเศษจึงไม่จำต้องปฏิบัติตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 แต่อย่างใดและตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517มาตรา 20 บัญญัติว่า การซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ให้กระทำได้เฉพาะหลักทรัพย์จดทะเบียนหรือหลักทรัพย์อนุญาตและโดยสมาชิกเท่านั้น แสดงว่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์กระทำได้เฉพาะสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์เท่านั้นซึ่งจำเลยก็ทราบดีแต่ก็ยังยินยอมแต่งตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนซื้อหรือขายหลักทรัพย์เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด จะอ้างว่าถูกเอาเปรียบไม่ได้ ตามบันทึกข้อตกลงมีการคิดคำนวณหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์และมีการนำเงินที่จำเลยวางไว้เป็นประกันพร้อมดอกเบี้ยกับมูลค่าหุ้นที่จำเลยมีอยู่มาตีราคานำมาหักชำระหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์และมีการตกลงผ่อนชำระกันไว้ แสดงให้เห็นว่าโจทก์จำเลยมีเจตนาให้เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือรับสภาพหนี้รับสภาพหนี้มีผลผูกพันใช้บังคับได้ตามกฎหมาย จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีว่า เอกสารท้ายฟ้องไม่ใช่หนังสือรับสภาพหนี้ตามกฎหมาย จำเลยไม่เป็นหนี้โจทก์จำเลยไม่ต้องรับผิดแสดงว่าจำเลยปฏิเสธไม่ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ทั้งหมดถือได้ว่าจำเลยไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตามหนังสือรับสภาพหนี้ โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดได้ และเมื่อจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดในการชำระหนี้โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดนายสุรพลและนายบุญส่งผู้รับมอบอำนาจได้มอบอำนาจเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับโจทก์ และตกลงให้โจทก์เป็นตัวแทนในการซื้อขายหลักทรัพย์ต่าง ๆ ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตลอดจนออกเงินทดรองและค่าใช้จ่ายในการนี้ทั้งหมดและเรียกเก็บเงินกับจำเลยภายหลัง หลังจากที่จำเลยได้เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับโจทก์แล้วจำเลยได้ให้โจทก์ซื้อขายหลักทรัพย์หลายครั้ง ปรากฎว่าการซื้อขายหลักทรัพย์จำเลยเป็นหนี้โจทก์ ตามบันทึกข้อตกลงเป็นเงินจำนวน 344,783.46 บาท โจทก์ทวงถามแต่จำเลยเพิกเฉยโจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน686,401.46 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14.5 ต่อปี ของต้นเงิน344,783.46 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า การมอบอำนาจตั้งตัวแทนเป็นการกระทำฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์ ฯลฯ พ.ศ. 2522 และพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม ฯลฯพ.ศ. 2522 พ.ศ. 2526 มาตรา 44 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์มิได้เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงไม่มีอำนาจทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ให้แก่จำเลยได้ หากโจทก์ได้ซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่จำเลยในตลาดหลักทรัพย์ โจทก์จะต้องมีหลักฐานมาแสดงต่อจำเลยได้หนังสือรับสภาพหนี้โจทก์ทำขึ้นเองเป็นการฝ่าฝืนต่อมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ฯลฯ อันมีโทษตามมาตรา 70จึงเป็นโมฆะและฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ มาตรา 172 โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยเพราะจำเลยไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ตามกฎหมาย โจทก์ไม่สามารถแสดงหลักฐานให้อยู่ในฐานะที่จะรับชำระหนี้จากจำเลยได้เพราะโจทก์ไม่เคยมีใบหุ้นที่อ้างว่าซื้อให้จำเลยเก็บรักษาไว้เป็นประกันหนี้จริงแต่ประการใด และฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 344,783.46 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14.5 ต่อปี นับแต่วันที่14 ตุลาคม 2525 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์พ.ศ. 2522 มาตรา 44 วรรคแรก บัญญัติว่า “การตั้งบุคคลใดเป็นตัวแทนหรือนายหน้าของบริษัทหลักทรัพย์ต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน” เห็นว่า พระราชบัญญัติดังกล่าวออกใช้บังคับเพื่อควบคุม การประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เป็นพิเศษ การตั้งตัวแทนหรือนายหน้าตามบทบัญญัติดังกล่าวย่อมหมายความถึงเฉพาะการตั้งตัวแทนหรือนายหน้าเพื่อให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เท่านั้นที่จะต้องขออนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน ส่วนการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแม้จะถือว่าเป็นการตั้งตัวแทนก็ไม่ต้องขออนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทยเพราะการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเป็นอำนาจทั่วไปที่บุคคลมีอยู่ตามกฎหมาย การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 มาตรา 44 โจทก์มีอำนาจฟ้องและฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยตั้งโจทก์เป็นตัวแทนในการซื้อขายหลักทรัพย์ตลอดจนออกเงินทดรองค่าใช้จ่ายเนื่องในการนี้ทั้งหมดในการซื้อและขายหลักทรัพย์ จำเลยเป็นหนี้โจทก์ โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระตามบันทึกข้อตกลง พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน686,401.46 บาท คำฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยชัดแจังซึ่งสภาพแห่งข้อหาและทำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172จำเลยทำสัญญาให้โจทก์ซึ่งมิได้เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์เป็นตัวแทนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แทน ซึ่งจำเลยก็ทราบดีว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเข้าไปซื้อ เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ต้องซื้อผ่านบริษัทสมาชิกซึ่งไม่มีกฎหมายห้าม เมื่อโจทก์ทำการซื้อหรือขายหุ้นแทนจำเลยตามคำสั่งของจำเลยโดยผ่านบริษัทสมาชิกหลักฐานการซื้อขายหุ้นก็ต้องกระทำในนามของบริษัทตัวแทนที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ หลักฐานการซื้อขายหุ้นระหว่างโจทก์กับจำเลย จึงมีแต่ใบสั่งซื้อสั่งขาย จะไปเอาหลักฐานการซื้อขายหุ้นมาย่อมไม่ได้ การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่เรื่องซื้อขายหุ้นตามปกติ แต่เป็นการซื้อขายหุ้นในกรณีพิเศษจึงไม่จำต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 แต่อย่างใดและตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517มาตรา 20 บัญญัติว่า การซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ให้กระทำได้เฉพาะหลักทรัพย์จดทะเบียนหรือหลักทรัพย์อนุญาตและโดยสมาชิกเท่านั้น แสดงว่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์กระทำได้เฉพาะสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น ซึ่งจำเลยก็ทราบดีแต่ก็ยังยินยอมแต่งตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนซื้อหรือขายหลักทรัพย์เมื่อจำเลยสมัครใจเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด จะอ้างว่าถูกเอาเปรียบไม่ได้มีการคิดคำนวณหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์มีการนำเงินที่จำเลยวางไว้เป็นประกันพร้อมดอกเบี้ยและมูลค่าหุ้นที่จำเลยมีอยู่มาตีราคานำมาหักชำระหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์และมีการตกลงผ่อนชำระกันไว้แสดงให้เห็นว่าโจทก์จำเลยมีเจตนาให้เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือรับสภาพหนี้มีผลผูกพันใช้บังคับได้ตามกฎหมาย จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีว่า ไม่ใช่หนังสือรับสภาพหนี้ตามกฎหมาย จำเลยไม่เป็นหนี้โจทก์จำเลยไม่ต้องรับผิดแสดงว่าจำเลยปฏิเสธไม่ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ทั้งหมด ถือได้ว่าจำเลยไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนไขเวลาตามหนังสือรับสภาพหนี้ โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดได้ และเมื่อจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดในการชำระหนี้ โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ได้
พิพากษายืน