แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาที่โจทก์หาว่าจำเลยตัดฟันต้นไม้ปิดทางหลวง เมื่อจำเลยปฏิเสธและต่อสู้ว่าทางที่ตัดฟันไม้ทับ มิใช่ทางสาธารณะไม่เป็นการขัดขวางทางสัญจร กับจะขอสืบว่าทางที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่ทางประจำ เป็นทางที่ใช้กันมานานแล้ว ดังนี้หากโจทก์ไม่สืบพะยาน ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้สมคบกันตัดฟันต้นไม้กีดกั้นทางหลวง ซึ่งเป็นทางสาธารณะชนใช้ร่วมกัน ทำให้ขัดข้องแก่ความสะดวกในการไปมาของสาธารณะชน ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๓๖ ข้อ ๑ จำเลยให้การว่ามิได้ทำผิดดังฟ้องต่อสู้ว่าจำเลยได้ตัดฟันไม้ทับทางจริง โดยได้รับอนุญาตให้จับจองที่ดินตรงทางสายนี้และได้รับใบเหยียบย่ำแล้ว เจ้าพนักงานอนุญาตให้จำเลยทำทางใหม่ขนานกับทางเก่า คนสัญจรไปมาได้สะดวกดี และจำเลยแถลงว่าทางที่โจทก์ฟ้องเป็นทางคนและทางเกวียนเดินซึ่งใช้กันมานานแล้ว จำเลยจะขอสืบพะยานว่าทางรายนี้ไม่ใช่ทางประจำ แต่ศาลชั้นต้นเห็นไม่จำเป็น ให้งดเสียโจทก์ไม่สืบพะยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ทางที่โจทก์ฟ้องเป็นทางคนเดินและเกวียนเดินมานานจึงเป็นทางหลวง จำเลยไม่มีอำนาจจับจองทับทางหลวง ให้ปรับจำเลย ๘ บาทตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๓๖(๑)
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยให้การว่ามิได้ทำผิดดังฟ้องและมีข้อต่อสู้อยู่รับไม่เต็มฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพะยานก็ยังฟังลงโทษไม่ได้ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ ที่ตัดฟันไม้จำเลยก็ไม่ได้กล่าวว่าเป็นการขัดขวางทางสัญจร หรือทางนั้นเป็นทางสาธารณะ ทั้งยังแถลงว่าไม่ใช่ทางประจำ บางปีราษฎรใช้เดินทางอื่น เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธและโจทก์ไม่สืบพะยาน ก็ยังลงโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน