คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2700/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นมารดาผู้เยาว์ได้รับเงิน 4,000,000 บาท เพียงเวลา 2 ปี ก็ใช้จ่ายเงินไปจนหมด โดยไม่มีรายการใดที่แสดงว่าได้ใช้จ่ายไปเพื่อประโยชน์แก่ผู้เยาว์นอกจากการเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามปกติเท่านั้นมิหนำซ้ำยังก่อหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก 1,400,000 บาท ที่ดินมีโฉนดพร้อมตึกแถว 2 ชั้น อยู่ในแหล่งชุมชนและมีราคาสูง หากยังเป็นของผู้เยาว์อยู่ต่อไปจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่าขาย ศาลจึงไม่อนุญาตให้ผู้ร้องขายทรัพย์ดังกล่าว

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นมารดาและผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กหญิงกนิษฐาหรืออุ๋ย สุคนธหงส์ อายุ 4 ปี เด็กชายปฐม สุคนธหงส์ อายุ 3 ปี และเด็กชายไก่ สุคนธหงส์อายุ 2 ปี อันเกิดจากนายชูศักดิ์ สุคนธหงส์ ซึ่งถึงแก่ความตายไปแล้ว บัดนี้ผู้ร้องมีความประสงค์และความจำเป็นจะต้องขายทรัพย์สินของผู้เยาว์รวม 2 รายการ คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 8982 เนื้อที่ประมาณ 19 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง คือตึกแถวสองชั้น เลขที่ 18 ถนนสุคนธหงส์ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จะขายให้แก่นางสาวศิริรัตน์ แซ่เตีย ผู้เช่าในราคา 2,000,000 บาท และที่ดินสวนผลอาสินตาม น.ส. 3 ทะเบียนเล่ม 3 หน้า 12 หมู่ที่ 12 ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 17 ตารางวาจะขายให้แก่นางศิรินันท์ คานทอง ในราคา 1,500,000 บาท เมื่อได้เงินจากการขายทรัพย์สินดังกล่าว ผู้ร้องจะจัดการกับเงินที่ขายได้ดังนี้คือ นำฝากธนาคารประเภทฝากประจำ จำนวน 2,000,000 บาท ซึ่งจะได้ดอกเบี้ยประมาณเดือนละ 25,000 บาทมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ อุปการะเลี้ยงดูและเป็นทุนการศึกษาแก่ผู้เยาว์ทั้งผู้ร้องจะได้สิทธิเข้าเป็นพนักงานของธนาคารได้เงินเดือนขั้นแรกประมาณเดือนละ 3,000 บาท เงินที่เหลืออีก 1,500,000 บาท จะนำไปใช้หนี้ที่ผู้ร้องกู้ยืมเงินของผู้มีชื่อมาชำระหนี้ของนายชูศักดิ์ผู้ตายเพราะขณะที่ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ได้เป็นหนี้บุคคลต่าง ๆ หลายคน หนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ผู้ร้องรู้เห็นในการเป็นหนี้ เจ้าหนี้มาทวงเอาจากผู้ร้องในฐานะที่เป็นภริยาของผู้ตาย และข่มขู่ว่าหากไม่ชำระหนี้จะปองร้ายผู้ร้องและจะลักบุตรของผู้ร้องไปเรียกค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ร้องเกรงกลัวและไม่กล้านำความไปแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงต้องกู้ยืมเงินจากผู้มีชื่อมาชำระหนี้และยังค้างชำระหนี้อีกประมาณ 1,500,000 บาท หลังจากขายทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว ผู้เยาว์ทั้งสามยังมีสิทธิ์ในทรัพย์สินร่วมกันเป็นที่ดินและอาคารราคาประมาณ 11,700,000 บาท ขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องขายทรัพย์สินของผู้เยาว์ดังกล่าวแล้ว

ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางประกาศนัดไต่สวนตามระเบียบแล้วไม่มีผู้ใดคัดค้าน เมื่อไต่สวนคำร้องและฟังรายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้เยาว์ของผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องทำนิติกรรมขายที่ดิน น.ส.3 ทะเบียนเล่มที่ 3 หน้า 12 ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แทนผู้เยาว์ทั้งสามได้ในราคาไม่ต่ำกว่า 1,500,000 บาท โดยให้ฝ่ายผู้ซื้อเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมในการทำนิติกรรมทั้งหมด และตั้งผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางเป็นผู้กำกับผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้งสามโดยให้กำกับตลอดไปจนถึงรายได้ต่าง ๆ ที่ได้จากทรัพย์สินของผู้เยาว์รายการอื่น ๆ ด้วย คำขอนอกจากนี้ให้ยก

ผู้ร้องอุทธรณ์ขออนุญาตขายที่ดินโฉนดเลขที่ 8982 ตำบลหาดใหญ่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาแผนคดีเด็กและเยาวชนตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ตามรายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้เยาว์ของผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง ซึ่งผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านว่าเมื่อนายชูศักดิ์บิดาของผู้เยาว์ถึงแก่ความตาย ผู้ร้องในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ได้พิพาทกับฝ่ายภริยาเดิมของนายชูศักดิ์เรื่องมรดกและได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้ผู้เยาว์ได้รับส่วนแบ่งมรดกโดยปลอดภาระติดพันใด ๆ นอกจากส่วนแบ่งที่เป็นอสังหาริมทรัพย์แล้วยังได้รับเงินสดอีก 4,000,000 บาท ซึ่งผู้ร้องจะต้องแบ่งฝากธนาคารในนามของผู้เยาว์ทั้งสามจำนวน 2,000,000 บาท แต่ผู้ร้องมิได้ปฏิบัติตามสัญญาแต่อย่างใด เงินจำนวน 4,000,000 บาทดังกล่าว ผู้ร้องอ้างว่าได้ใช้จ่ายในการดำเนินคดีมรดก 200,000 บาทซ่อมแซมต่อเติมบ้านพักที่อำเภอหาดใหญ่ 400,000 บาท ซื้อที่ดินและบ้านพักที่กรุงเทพมหานครรวมทั้งค่าต่อเติม 1,200,000 บาทและชำระหนี้สินของนายชูศักดิ์ 2,000,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,800,000 บาท ส่วนเงินที่เหลืออีก 200,000 บาทได้ใช้จ่ายไปในการอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่ผู้เยาว์ทั้งสาม ขณะนี้ผู้ร้องยังเป็นหนี้บุคคลอื่นอีก 1,500,000 บาท ข้อที่อ้างว่าชำระหนี้สินของนายชูศักดิ์จำนวน 2,000,000 บาทนั้น ผู้ร้องไม่มีหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดมาแสดง ถ้าหากนายชูศักดิ์มีหนี้สินจริงก็เป็นหน้าที่ของทายาททุกคนที่จะต้องร่วมกันรับผิด หาใช่เป็นหน้าที่ของผู้ร้องไม่ ส่วนที่ดินและบ้านพักที่กรุงเทพมหานครซึ่งซื้อมาและเสียค่าต่อเติมด้วยรวมเป็นเงินถึง 1,200,000 บาทนั้น ก็ลงชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของทั้ง ๆ ที่ใช้เงินของผู้เยาว์ทั้งสิ้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ว่าผู้ร้องได้รับเงิน 4,000,000 บาทมาเมื่อปลายปี พ.ศ. 2523 ชั่วระยะเวลาเพียง 2 ปีก็ใช้จ่ายเงินไปจนหมดโดยไม่มีรายการใดที่แสดงว่าได้ใช้จ่ายไปเพื่อประโยชน์แก่ผู้เยาว์นอกจากการเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามปกติเท่านั้น มิหนำซ้ำยังก่อหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก 1,500,000 บาท ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 8982 พร้อมด้วยตึกแถวสองชั้นอยู่ในแหล่งชุมชนและมีราคาสูง หากยังเป็นของผู้เยาว์อยู่ต่อไปจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่าขาย ที่ศาลล่างทั้งสองไม่เห็นสมควรอนุญาตให้ขายนั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share