คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยกับผู้เสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกัน ผู้เสียหายแจ้งตำรวจจับจำเลยก็เพียงสงสัยว่าจำเลยเป็นผู้ตัดฟันต้นยางไม่ใช่แจ้งเพราะ ทราบจากภริยา ชั้นสืบพยานภริยาผู้เสียหายเบิกความว่าเห็นจำเลย ตัดฟันต้นยางของผู้เสียหาย แต่ไม่บอกให้ผู้เสียหายทราบ ดังนี้ ประจักษ์พยานโจทก์มีภริยาผู้เสียหายปากเดียว และเคยมีสาเหตุ โกรธเคืองกัน จึงต้องฟังด้วยความระมัดระวัง ทั้งคำเบิกความขาดเหตุผล จึงรับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358, 359(4) จำคุก 1 ปี ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ทั้งสองฝ่ายนำสืบตรงกันฟังได้ว่าจำเลยกับผู้เสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกัน โจทก์มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดปากเดียวคือ นางประชุม นกแก้ว ภริยาของผู้เสียหายซึ่งเบิกความว่าวันเกิดเหตุเวลา 6 นาฬิกาเศษ ขณะกำลังดายหญ้าอยู่ในสวนยางของผู้เสียหายเห็นจำเลยใช้มีดพร้าตัดฟันต้นยางของผู้เสียหาย จึงเข้าไปต่อว่า จำเลยวิ่งหนีไป เมื่อกลับมาถึงบ้านตอน 7.00 นาฬิกา พบผู้เสียหายที่บ้านผู้เสียหายบอกว่าต้นยางถูกฟันหมดแล้ว พยานก็ไม่ได้บอกให้ผู้เสียหายทราบถึงเรื่องที่เห็นจำเลยตัดฟันต้นยางพาราของผู้เสียหาย อ้างว่าถ้าบอกผู้เสียหายเกรงจะมีเรื่องกับจำเลย ซึ่งเป็นเรื่องผิดวิสัย ทั้งที่ต้นยางพาราของตนถูกตัดฟันเสียหายคิดเป็นราคาเกือบ 10,000 บาท หากรู้เห็นจริงสามีภริยาน่าจะต้องเล่าปรึกษาหารือกันเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ที่อ้างว่าเกรงจะมีเรื่องกันเป็นเหตุผลที่รับฟังไม่ได้ การที่ผู้เสียหายไปแจ้งให้ตำรวจจับจำเลยก็เพียงสงสัยว่าจำเลยเป็นผู้ตัดฟัน เนื่องจากมีสาเหตุโกรธเคืองกัน ไม่ใช่แจ้งเพราะทราบจากภริยา แต่เพียงทราบจากภริยาตอนเย็นหลังจับจำเลยแล้ว ประจักษ์พยานของโจทก์มีปากเดียว มีสาเหตุโกรธเคืองกัน จึงต้องฟังด้วยความระมัดระวัง เมื่อพยานเบิกความขาดเหตุผลดังวินิจฉัยมาแล้ว รูปคดีตกอยู่ในความสงสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน ของกลางคืนจำเลย”

Share