แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องลักทรัพย์ของผู้ร้องเดิมโดยผู้ร้องขาดนัดชั้นพิจารนาแล้ว ผู้ร้องไหม่ซึ่งเข้าสวมสิทธิแทนผู้ร้อง เดิมจะร้องขัดทรัพย์ไหม่ไม่ได้
ย่อยาว
ได้ความว่าโจทชนะคดีจำเลยแล้วนำยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากสาบริสัทซะเทิร์นตินคา ฯ ร้องขัดทรัพย์ว่าที่โจทยึดมาขายนั้นไม่ไช่ทรัพย์ของจำเลย เปนที่ว่างเปล่าของรัถบาลซึ่งผู้ร้องขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ไว้ ขอไห้ถอนการยึด
ชั้นพิจารนาผู้ร้องขาดนัด โจทขอไห้สาลสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ สาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องตามโจทขอ โจทจึงขอไห้ประกาสขายทรัพย์รายนี้ สาลชั้นต้นสั่งไห้ประกาสขาย ต่อมาประธานกัมการควบคุมและจัดการกิจการทรัพย์สินของบุคคลต่างด้าวไนกิจการเหมืองแร่ทั่วราชอาณาจักร ยื่นคำร้องไนนามบริสัทซะเทิร์นดินคา ขอไห้สาลสั่งถอนการยึดทรัพย์นี้อีก โดยอ้างเหตุหย่างเดียวกับผู้ร้องขัดทรัพย์เดิม โจทคัดค้านว่าจะนำคดีมาว่ากล่าวอีกไม่ได้ เพราะขาดอายุความตามมาตรา ๒๐๘ ป.ว.พ. และตามคำร้องไหม่ก็ไม่ได้อ้างเหตุตามมาตรา ๒๐๙ ป.ว.พ.
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วเห็นว่าคดีขาดอายุความจึงสั่งไห้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุธรน์ สาลอุธรน์วินิฉัยว่าคดีไม่ตกหยู่ไนบังคับของมาตรา ๒๐๘ และผู้ร้องอาสัยสิทธิตามมาตรา ๒๘๘ ป.ว.พ. จึงร้องขัดทรัพย์ได้อีก จึงพิพากสากลับไห้สาลชั้นต้นรับคำร้องของ ม.ล.เดช ประธานกัมการ ฯ ไว้ดำเนินการพิจารนาต่อไปและสั่งไหม่ตามรูปความ
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าเมื่อสาลชั้นต้นสั่งไห้ยกคำร้องขัดทรัพย์มิได้สั่งไห้จำหน่ายคดี ผู้ร้องขัดทรัพย์ก็ร้องขัดทรัพย์ไหม่อีกไม่ได้ ตามมาตรา ๒๐๑ คงได้แต่จะขอไห้พิจารนาไหม่ การขอไห้พิจารนาไหม่จะต้องแสดงเหตุผลตามที่บังคับไว้ไนมาตรา ๒๐๙
คำร้องของ ม.ล.เดช ประธานกัมการ ฯ เปนคำร้องเข้าสวมสิทธิของผู้ร้องขัดทรัพย์เดิม ย่อมมีสิทธิไม่เกินกว่าผู้ร้องเดิม จึงร้องขัดทรัพย์ไหม่ไม่ได้ คงได้แต่ขอไห้พิจารนาไหม่ เมื่อพิเคราะห์ดูคำร้องของ ม.ล.เดชแล้ว เห็นได้ชัดว่าเปนการร้องขัดทรัพย์ไหม่ ไม่ไช่ขอไห้พิจารนาไหม่ จึงรับไว้พิจารนาไม่ได้ตามมาตรา ๒๐๑ จึงพิพากสายืนตามคำสั่งสาลชั้นต้น ซึ่งไห้ยกคำร้อง ม.ล.เดช ฯ