คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีแรงงานมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากคดีแพ่งธรรมดา การดำเนินคดีจะต้องเป็นไปโดยสะดวก ประหยัดและรวดเร็ว ฉะนั้นการที่โจทก์ขอถอนฟ้องโดยแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาต่อศาล แม้จะเป็นเวลาภายหลังที่จำเลยยื่นคำให้การแล้วก็ตาม แต่จำเลยก็ได้ทราบและได้แถลงคัดค้านต่อศาลแล้ว ซึ่งตรงตามความมุ่งหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคสอง(1) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานมาตรา 31 ศาลแรงงานย่อมมีอำนาจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยได้จ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำ ได้รับค่าจ้างครั้งสุดท้ายเดือนละ 3,500 บาท ต่อมาวันที่ 15 ธันวาคม 2531 จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุพักกิจการ และโดยที่โจทก์ไม่ได้กระทำความผิดจำเลยไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ตามกฎหมาย โจทก์ทำงานมาแล้วเกินกว่า 3 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างครั้งสุดท้าย 180 วัน เป็นเงิน 21,000 บาท นอกจากนี้จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า โจทก์มีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2531 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2532 เป็นเวลา 46 วัน เป็นเงิน 5,366 บาทโจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยไม่ยอมชำระ ขอให้จำเลยจ่ายเงินสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 5,366 บาท และค่าชดเชย21,000 บาท จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้เป็นลูกจ้างจำเลย แต่เป็นลูกจ้างของบุคคลอื่น โจทก์มิใช่ลูกจ้างประจำ เพราะโจทก์ทำงานโดยมีกำหนดเวลาไม่แน่นอน การที่จำเลยหยุดการบริหารด้านการเงินและการตลาดให้บุคคลอื่นนั้น ไม่เกี่ยวกับโจทก์ และการที่จะให้โจทก์ทำงานต่อไปหรือไม่ หรือโอนสิทธิและหน้าที่ในการเป็นลูกจ้างของโจทก์เป็นอำนาจของผู้เป็นนายจ้างมิใช่จำเลย โจทก์ทราบเรื่องการหยุดทำงานของจำเลย และการหยุดกิจการของบุคคลที่โจทก์ทำงานด้วยเป็นเวลาเกินกว่า 1 เดือนแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้ยกฟ้องศาลแรงงานกลางได้ทำการชี้สองสถานโดยกำหนดให้โจทก์เป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อน และให้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์2532 ครั้นถึงวันนัด โจทก์ขอเลื่อนคดีไป ศาลแรงงานกลางอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ในวันที่ 2 มีนาคม 2532 ในวันนัดดังกล่าวโจทก์แถลงขอถอนฟ้อง เนื่องจากฟ้องเดิมผิดพลาดและจะดำเนินการฟ้องใหม่เข้ามา จำเลยแถลงคัดค้านในการที่โจทก์ขอถอนฟ้องศาลแรงงานกลางเห็นว่ากรณีมีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีแรงงานซึ่งมีลักษณะพิเศษแตกต่างกับคดีแพ่งธรรมดา การดำเนินคดีจะต้องเป็นไปโดยสะดวก ประหยัดและรวดเร็ว แม้แต่คำฟ้องของโจทก์ก็สามารถมาแถลงข้อหาด้วยวาจาต่อหน้าศาลก็ได้ และจำเลยก็มีสิทธิยื่นคำให้การเป็นหนังสือก่อนวันเวลาที่ศาลแรงงานนัดให้มาศาลก็ได้ หรือในวันนัดพิจารณา จำเลยจะให้การด้วยวาจาก็ได้คำให้การดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือด้วยวาจาต่างก็เป็นคำให้การที่ชอบด้วยกฎหมาย สำหรับคดีนี้แม้โจทก์จะถอนฟ้องโดยแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาต่อศาลแรงงานกลางก็ตาม แต่จำเลยก็ได้ทราบและได้แถลงคัดค้านต่อศาลดังกล่าวแล้ว ตรงตามความมุ่งหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคสอง(1)ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ศาลย่อมมีอำนาจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้คำสั่งของศาลแรงงานกลางที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจึงชอบแล้วอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share