คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ได้ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุมและ ชั้นสอบสวนซึ่งคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวศาลได้ใช้ ประกอบการวินิจฉัยลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วย จึงถือว่าคำให้การ ของจำเลยที่ 1 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่ การพิจารณา การที่ศาลล่างทั้งสองไม่ลดโทษให้จำเลยที่ 1 จึงไม่เหมาะสมศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข และเมื่อการลดโทษให้จำเลยที่ 1 เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาจึงมี อำนาจพิพากษาให้ลดโทษไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาลงอีกด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90 ลงโทษฐานจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ให้ประหารชีวิต จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) คงจำคุกตลอดชีวิต ริบเฮโรอีนของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2
การที่จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนซึ่งคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวได้ใช้ประกอบการวินิจฉัยลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วย จึงถือว่าคำให้การของจำเลยที่ 1 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีนี้ ศาลล่างทั้งสองไม่ลดโทษให้จำเลยที่ 1 นั้นไม่เหมาะสม ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข และเมื่อการลดโทษให้จำเลยที่ 1 เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาให้ลดโทษไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาลงอีกด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52(1) คงจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 2 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52(2) คงจำคุก 30 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share