แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถระบุว่าจำเลยเป็นผู้ประกอบการขนส่ง ส่วนผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์โดยโจทก์เป็นผู้เช่าซื้อ ประกอบกับสัญญาเดินรถเข้าร่วมกิจการของโจทก์และจำเลยระบุให้จำเลยมีอำนาจบอกเลิกสัญญาหรือถอนรถออกจากการเป็นรถร่วมได้ทันที เมื่อโจทก์ได้รับแผ่นป้ายทะเบียนรถมาโดยผลจากการทำสัญญาเดินรถเข้าร่วมกิจการในเส้นทางสัมปทานของจำเลย และจำเลยใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาดังกล่าวโดยชอบแล้ว ถือได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งจะเลิกใช้รถยนต์โดยสาร จำเลยมีหน้าที่ต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบและคืนแผ่นป้ายทะเบียนรถแก่นายทะเบียนตามมาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ. 2522 มิฉะนั้นจำเลยจะมีความผิดและต้องรับโทษทางอาญาตามมาตรา 143 โจทก์จึงไม่มีสิทธิยึดถือแผ่นป้ายเลขทะเบียนรถนั้นไว้ จำต้องส่งคืนให้แก่จำเลยตามฟ้องแย้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประกอบกิจการเดินรถโดยสารสายสมุทรปราการ -กิโลเมตร 30 โจทก์นำรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 20-0519 สมุทรปราการเข้าเดินรถร่วมกิจการกับจำเลยต่อมาวันที่ 17 สิงหาคม 2536 จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์โดยจำเลยมีคำสั่งมิให้โจทก์นำรถยนต์โดยสารของโจทก์เข้าเดินรถตามปกติและแจ้งขนส่งจังหวัดสมุทรปราการให้เลิกสัญญาเข้าร่วมเดินรถระหว่างโจทก์กับจำเลย โดยโจทก์มิได้ปฏิบัติผิดสัญญาเข้าร่วมเดินรถแต่อย่างใด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขาดรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 700 บาท หรือเดือนละ 21,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์นำรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 20-0519 สมุทรปราการ เข้าเดินรถรับส่งผู้โดยสารตามปกติ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน168,000 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับชำระค่าเสียหายวันละ 700 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะยอมให้โจทก์นำรถยนต์โดยสารเข้าร่วมเดินรถ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2536 โจทก์ขับรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 20-0519 สมุทรปราการ เข้ารับผู้โดยสารตัดหน้ารถคันอื่นเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนคำสั่งระเบียบข้อบังคับของจำเลย จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาและแจ้งให้โจทก์ถอดป้ายทะเบียนคืนให้จำเลยเพื่อที่จะได้นำมาสวมรถคันอื่นต่อไปแต่โจทก์เพิกเฉย ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย หากโจทก์นำป้ายทะเบียนดังกล่าวมาคืน จำเลยจะมีรายได้จากการเดินรถรับส่งผู้โดยสารเดือนละ 18,200 บาท คิดถึงวันยื่นคำให้การและฟ้องแย้งเป็นเงินจำนวน 209,300 บาท ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์ชำระเงินจำนวน 209,300 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยกับให้ชดใช้ค่าเสียหายให้จำเลยเดือนละ 18,200 บาท จนกว่าโจทก์จะนำแผ่นป้ายทะเบียน 20-0519 สมุทรปราการ มาคืนจำเลย หากไม่นำมาคืนขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของโจทก์
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย เพราะการจะบรรจุรถยนต์โดยสารเพื่อเดินรถในเส้นทางจะต้องขออนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้นมิใช่นำป้ายทะเบียนรถยนต์มาสวมแทนกันได้โดยพลการ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์คืนแผ่นป้ายทะเบียน 20-0519 สมุทรปราการให้จำเลย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ยกฟ้องโจทก์
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนฎีกาข้อกฎหมายของโจทก์ในข้อ 2 ข. ที่ว่าโจทก์ต้องคืนแผ่นป้ายทะเบียนรถหมายเลข 20-0519 สมุทรปราการ ให้แก่จำเลยหรือไม่นั้นโจทก์ฎีกาว่า แผ่นป้ายเลขทะเบียนรถดังกล่าวเป็นแผ่นป้ายเลขทะเบียนรถซึ่งทางราชการออกให้แก่โจทก์ และโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถดังกล่าว แผ่นป้ายเลขทะเบียนรถดังกล่าวมิได้เป็นของจำเลย ถึงแม้ศาลจะวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก็ตาม จำเลยก็มีสิทธิเพียงเลิกสัญญาเดินรถเข้าร่วมกิจการกับโจทก์เท่านั้น จำเลยไม่มีสิทธิในแผ่นป้ายเลขทะเบียนรถดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิเอาคืนซึ่งแผ่นป้ายเลขทะเบียนรถดังกล่าวนั้นเห็นว่า ตามหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 เอกสารหมาย จ.1 อันเป็นเอกสารราชการซึ่งระบุว่าจำเลยเป็นผู้ประกอบการขนส่ง ส่วนผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คือ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์โดยโจทก์เป็นผู้เช่าซื้อ ประกอบกับสัญญาเดินรถเข้าร่วมกิจการของโจทก์และจำเลยเอกสารหมายจ.3 ซึ่งระบุให้จำเลยมีอำนาจบอกเลิกสัญญาหรือถอนรถออกจากการเป็นรถร่วมได้ทันทีจะเห็นได้ชัดว่าโจทก์ได้รับแผ่นป้ายทะเบียนรถหมายเลข 20-0519 สมุทรปราการ มาโดยผลจากการทำสัญญาเดินรถเข้าร่วมกิจการในเส้นทางสัมปทานของจำเลย เมื่อจำเลยใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเดินรถเข้าร่วมกิจการกับโจทก์โดยชอบแล้วพอถือได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งจะเลิกใช้รถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน20-0519 สมุทรปราการ แล้วจำเลยมีหน้าที่ต้องแจ้งให้นายทะเบียนประจำจังหวัดสมุทรปราการทราบ และต้องนำแผ่นป้ายเลขทะเบียนรถดังกล่าวคืนแก่นายทะเบียนตาม มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มิฉะนั้นจำเลยจะมีความผิดและต้องรับโทษทางอาญาตามมาตรา 143 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดถือแผ่นป้ายเลขทะเบียนรถนั้นไว้ต่อไป จำต้องส่งคืนให้แก่จำเลยเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้โจทก์ส่งคืนแผ่นป้ายทะเบียนรถหมายเลข 20-0519 สมุทรปราการแก่จำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน