คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ค ย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตาม ป.พ.พ. ม.900 ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าจำเลยมอบเช็คให้บุคคลอื่นโดยไม่มีมูลหนี้ จึงสั่งธนาคารระงับการจ่ายเงินนั้น จำเลยจะยกขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้ผู้ทรงไม่ได้ จำเลยจะพ้นจากความรับผิดได้ต่อเมื่อการโอนได้มีขึ้นด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลตาม ม.916
การที่จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า โจทก์รับเช็คมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมิได้กล่าวอ้างว่าไม่สุจริตและมิชอบอย่างไรอันจะถือว่าเป็นการคบคิดกับผู้หนึ่งผู้ใดเพื่อฉ้อฉลตามที่บัญญัติไว้ใน ม.916 เป็นคำให้การที่ไม่แจ้งชัดตาม ป.ว.พ. ม.177จึงต้องถือว่าโจทก์รับเช็คมาโดยสุจริตและเป็นผู้ทรงโดยชอบข้อวินิจฉัยที่ว่าโจทก์รับเช็คพิพาทโดยการคบคิดกับบุคคลอื่นทำการฉ้อฉลจำเลยจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นจากคำฟ้องและคำให้การ

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คฉบับพิพาท ซึ่งจำเลยได้ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย เป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2521 คือในวันเดียวกับวันที่ซึ่งปรากฏในเช็ค โจทก์นำเช็คฉบับดังกล่าวเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่า “มีคำสั่งให้ระงับการจ่าย”

พิเคราะห์แล้ว ตามฎีกาโจทก์มีปัญหาในชั้นนี้เพียงว่า จำเลยต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้แล้วว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อของตนเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คฉบับพิพาทจำเลยย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 400 ที่จำเลยยกข้อต่อสู้มาในคำให้การของจำเลยว่าเช็คพิพาทจำเลยมอบให้แก่บุคคลอื่นโดยไม่มีมูลหนี้ เพื่อให้ยึดถือไว้เป็นประกันในการวิ่งเต้นขอใบอนุญาตตั้งโรงงานจากทางราชการ เมื่อการวิ่งเต้นของผู้รับอาสาไม่เป็นผลสำเร็จ จำเลยจึงสั่งธนาคารให้ระงับการจ่ายเงินตามเช็คนั้นไว้แล้ว ตามข้ออ้างของจำเลยดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยจะยกขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยผู้สั่งจ่ายกับผู้ทรงคนก่อน ๆ นั้นหาได้ไม่ จำเลยจะพ้นจากความรับผิดได้ต่อเมื่อการโอนเช็คนั้นได้มีขึ้นด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 แต่ในข้อนี้จำเลยให้การต่อสู้ไว้แต่เพียงว่า โจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมิได้กล่าวอ้างเป็นข้อต่อสู้ว่าโจทก์ในฐานะผู้ทรงรับโอนเช็คโดยไม่สุจริตและมิชอบอย่างใด อันจะถือได้ว่าเป็นการคบคิดกับผู้หนึ่งผู้ใดเพื่อฉ้อฉลดังที่บัญญัติไว้ตามบทมาตราดังกล่าว จำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีประเด็นนำสืบในข้อนี้ถือได้ว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาโดยสุจริต และเป็นผู้ทรงโดยชอบจำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินดังโจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์รับเช็คพิพาทโดยการคบคิดกับบุคคลอื่นทำการฉ้อฉลจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยต้องรับผิดตามเช็คนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นจากคำฟ้องและคำให้การจำเลย ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share