คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2683/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกในความผิดฐานมีไม้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำคุกสถานเดียวโดยไม่ปรับและไม่รอการลงโทษ ก็เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยให้จำคุกแต่ละกระทงไม่เกินหนึ่งปีจึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้าม ในกรณีที่มีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 จัตวา ศาลจะพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยด้วย เพราะจำนวนเงินค่าปรับจะต้องนำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่าจะต้องจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับก็ต้องยกคำขอที่ให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญาพระราชบัญญัติ ป่าไม้ฯ และพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกฯ ริบไม้ของกลางและจ่ายสินบนนำจับแก่ผู้นำจับ จำเลยรับสารภาพตามฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษาให้เรียงกระทงลงโทษ ฐานใช้รถยนต์ประกอบการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 24,000 บาท ฐานใช้รถโดยไม่จดทะเบียนและไม่เสียภาษี ปรับ 6,000 บาท ฐานมีไม้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ปรับ 12,000 บาท ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจำคุก 1 ปี ปรับ 3,000 บาท รวมจำคุก 2 ปีปรับ 45,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม จำคุก 1 ปี 4 เดือนปรับ 30,000 บาท โทษจำคุกรอไว้มีกำหนด 2 ปี ริบไม้ของกลางจ่ายสินบนเฉพาะข้อหาฐานมีไม้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตให้แก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ โดยจ่ายจากค่าปรับที่ชำระถ้าจำเลยไม่ชำระ หรือชำระค่าปรับไม่ถึงจำนวน ให้จ่ายสินบนนำจับจากเงินค่าขายของกลางที่ศาลสั่งริบ ถ้าขาดอยู่ให้เป็นพับไปโจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับและไม่รอการลงโทษนอกจากแก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับความผิดที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นลงโทษจำคุกสถานเดียว โดยไม่ปรับและไม่รอการลงโทษก็เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยให้จำคุกแต่ละกระทงไม่เกินหนึ่งปี จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แต่ที่ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษายกคำขอที่ให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 จัตวานั้น เป็นการไม่ถูกต้อง เพราะศาลจะพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยด้วย เพราะจำนวนเงินค่าปรับจะต้องนำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่าจะต้องจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาให้ลงโทษปรับจำเลยด้วยแล้วก็ต้องยกคำขอที่ให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเสียด้วยและที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าไม่ปรับและไม่รอการลงโทษให้จำเลยนั้นหมายถึงเฉพาะฐานความผิดซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับเท่านั้น ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องชัดเจน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับและไม่รอการลงโทษจำเลยเฉพาะฐานมีไม้ไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต และฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานกับให้ยกคำขอที่ให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share