คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2677/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยโดยกำหนดเวลาให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระภายในเวลาที่กำหนด แต่จำเลยได้เลือกใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นในระหว่างเวลาที่จำเลยยังสามารถนำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระตามคำสั่งของศาลชั้นต้นได้ แม้การยื่นอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจะพ้นกำหนดเวลาเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่งตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคห้าก็ตาม กรณีเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์แทนการนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระตามคำสั่งของศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยและปรากฏว่ากำหนดระยะเวลาตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระได้ล่วงพ้นไปแล้วในระหว่างนั้น เมื่อคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวมิได้กำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาล กรณีเช่นนี้ นับได้ว่ามีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะยื่นคำร้องขอให้กำหนดเวลาเพื่อให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายหลังเมื่อศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังแล้วได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 4,634,984.87 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 11,300 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยอุทธรณ์พร้อมยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า จำเลยมิใช่คนยากจนและคดีไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอุทธรณ์ ให้ยกคำร้องและให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระภายในวันที่ 16 ตุลาคม 2544 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งวันที่ 10 ตุลาคม 2544 ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง จึงไม่รับอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง ต่อมาวันที่ 27 มิถุนายน 2545 จำเลยยื่นคำร้องขอชำระค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และค่าฤชาธรรมเนียมที่จะใช้แทนแก่โจทก์ภายใน 20 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ล่วงเลยกำหนดเวลาแล้ว ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกาคำสั่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาตามฎีกาของจำเลยในชั้นนี้มีว่า มีเหตุที่จะกำหนดระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยโดยกำหนดเวลาให้ จำเลยนำค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาวางต่อศาลภายในวันที่ 16 ตุลาคม 2544 แต่จำเลยได้เลือกใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นในระหว่างเวลาที่จำเลยยังสามารถนำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาวางตามคำสั่งของศาลชั้นต้นได้ แม้การยื่นอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจะพ้นกำหนดเวลาเจ็ดวันนับแต่วันวันมีคำสั่งตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคห้าก็ตาม กรณีเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์แทนการนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระตามคำสั่งของศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยและปรากฏว่ากำหนดระยะเวลาตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระได้ล่วงพ้นไปแล้วในระหว่างนั้น เมื่อคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวมิได้กำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาล กรณีเช่นนี้ นับได้ว่ามีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะยื่นคำร้องขอให้กำหนดเวลาเพื่อให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมศาลมาวางภายหลังเมื่อศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังแล้วได้ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมซึ่งจะทำให้จำเลยสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ตามกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่ากรณีเช่นนี้มีผลเป็นการขอขยายระยะเวลาโดยไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัย จึงไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้จำเลยวางเงินอีกและยกคำร้องของจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ หากจำเลยประสงค์ที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อไปให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดเวลา 15 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษานี้

Share