คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน และปรับ 5,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมประพฤติจำเลยริบของกลาง และให้ทำลายปูนซีเมนต์และบ่อปูนซีเมนต์ของกลางศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คดีย่อมต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่าไม่สมควรริบและทำลายลานปูนซีเมนต์และบ่อปูนซีเมนต์ของกลางอันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาล จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกประกอบกิจการทำนาเกลือผลิตเกลือสินเธาว์ โดยสูบน้ำจากใต้ดินในพื้นที่บริเวณลุ่มน้ำเสียวใหญ่ขึ้นมาตากบนลานปูนซีเมนต์ เก็บกักไว้ในบ่อปูนซีเมนต์และจำหน่ายให้แก่บุคคลอื่นเป็นการทำลายสภาพสิ่งแวดล้อม เกิดความเสียหายแก่พื้นที่นาข้าวและพื้นที่เลี้ยงสัตว์ในบริเวณใกล้เคียง และฝ่าฝืนคำสั่งของนายกรัฐมนตรีออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2518 เจ้าพนักงานจับจำเลยพร้อมยึดอุปกรณ์ที่ใช้และได้มาจากการกระทำความผิด 12 รายการ เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. 2518 มาตรา 20, 26 วรรค 2 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33,35, 38 ริบของกลาง และสั่งให้ทำให้ลานปูนซีเมนต์และบ่อปูนซีเมนต์ของกลางใช้ไม่ได้หรือทำลาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2518 มาตรา 20,26 วรรคสอง จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกรอไว้2 ปี ริบของกลาง ทำลายลานปูนซีเมนต์และบ่อปูนซีเมนต์ ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 4 เดือน มีกำหนด 1 ปีห้ามจำเลยกระทำการใด ๆ ที่นำไปสู่การกระทำผิดตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม จำเลยอุทธรณ์ขอไม่ให้ทำลายปูนซีเมนต์และบ่อปูนซีเมนต์ของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย3 เดือน และปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด2 ปี ให้คุมประพฤติจำเลย ริบของกลาง และให้ทำลายลานปูนซีเมนต์และบ่อปูนซีเมนต์ของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คดีย่อมต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่าไม่สมควรริบและทำลายลานปูนซีเมนต์และบ่อปูนซีเมนต์ของกลาง อันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share