คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2675/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อลักษณะของการกระทำความผิดตามบรรยายฟ้องของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับยาสูบและแผ่นดิจิตอลวีดีโอดีสไม่มีลักษณะของการกระทำความผิดซึ่งเป็นเงื่อนไขซึ่งกันและกันแต่อย่างใด โดยแยกกันได้เด็ดขาดทั้งการกระทำและบทบัญญัติของกฎหมายที่เป็นความผิด ลำพังแต่เพียงผู้กระทำความผิดทุกข้อหาเป็นบุคคลเดียวกัน กระทำในขณะเดียวกันและในสถานที่เกิดเหตุเดียวกันเท่านั้น ยังไม่ถือว่าเป็นความผิดเกี่ยวเนื่องกันตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 36 การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดในส่วนที่เกี่ยวกับยาสูบตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 และ พ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ. 2509 นั้น จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27, 27 ทวิ, พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.2509 มาตรา 4, 5, 5 ตรี, 19, 23, 24, 44, 49, 50 พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 28, 31, 61, 70, 75, 76, พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 4, 6, 34 และให้แผ่นดิจิตอลวีดีโอดีสของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งหมดตามฟ้องข้อ (3) จำนวน 13,640 แผ่น ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ สั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานระเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายทั้งยี่สิบสองบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของ ริบแผ่นดิจิตอลวีดีโอดีสจำนวน 37,000 แผ่น ตกเป็นของแผ่นดิน และริบยาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรตของกลางทั้งหมดให้เป็นของกรมสรรพาสามิตด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่มีอำนาจรับคดีนี้ทุกข้อหาไว้พิจารณาพิพากษา และขอให้ยกฟ้องหรือจำหน่ายคดี
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ และความผิดต่อพระราชบัญญัติยาสูบฯ เป็นคดีใหม่ยังศาลซึ่งมีอำนาจภายในกำหนด 30 วัน
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายการกระทำความผิดของจำเลยในส่วนที่เกี่ยวกับยาสูบในข้อ (1) (2) ว่าเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติศุลกากรฯ และพระราชบัญญัติยาสูบฯ นั้น โดยลำพังความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางแต่อย่างใด อีกทั้งวัตถุแห่งการกระทำความผิดตามฟ้องนั้นเป็นยาสูบซึ่งเป็นคนละชนิดกับแผ่นดิจิตอลวีดีโอดีสในความผิดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฯ และพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ฯ ที่โจทก์ฟ้องรวมกันมา ซึ่งลักษณะของการกระทำผิดตามบรรยายฟ้องของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับยาสูบและแผ่นดิจิตอลวีดีโอดีสนั้นไม่มีลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นเงื่อนไขซึ่งกันและกันแต่อย่างใด โดยแยกกันได้เด็ดขาดทั้งการกระทำและบทบัญญัติของกฎหมายที่เป็นความผิด ลำพังแต่เพียงผู้กระทำความผิดทุกข้อหาเป็นบุคคลเดียวกัน กระทำในขณะเดียวกันและในสถานที่เกิดเหตุเดียวกันเท่านั้นยังไม่ถือว่าเป็นความผิดเกี่ยวเนื่องตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 36 การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดในส่วนที่เกี่ยวกับยาสูบตามพระราชบัญญัติศุลากากรฯ และพระราชบัญญัติยาสูบฯ นั้นจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share