แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองและการ พาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนนั้นไปในทางสาธารณะนั้นเป็นการกระทำที่แยกต่างหากจากกันได้ จึงเป็นความผิด สองกรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีปืนสั้นหนึ่งกระบอกไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและมีกระสุน 2 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยพาอาวุธปืนและกระสุนดังกล่าวติดตัวไปในทางสาธารณะและในชุมชนที่ในบาร์ซึ่งมีการแสดงดนตรีและเต้นรำโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและจำเลยได้เสพสุราจนเมาประพฤติวุ่นวายและครองสติไม่อยู่ในสถานที่ดังกล่าวไม่ชำระค่าอาหารและชักปืนออกมาขู่พนักงานและคนที่มาเที่ยวบาร์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 378, 91 และขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้อง ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปีฐานพาอาวุธปืนจำคุก 6 เดือน ฐานเสพสุรา ประพฤติวุ่นวาย ปรับ 400 บาทรวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 400 บาท
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาเพราะฎีกาข้อเท็จจริง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกา
ศาลฎีกาสั่งให้รับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าการมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและการพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนนั้นติดตัวไปในทางสาธารณะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ในคำฟ้องโจทก์จะบรรยายการกระทำของจำเลยเป็นเวลาเดียวกันก็ตาม แต่การมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองและการพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนนั้นไปในทางสาธารณะนั้น เป็นการกระทำที่แยกต่างหากจากกันได้ การกระทำของจำเลยเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนตามฟ้องจึงไม่ใช่ความผิดกรรมเดียว แต่เป็นความผิดสองกรรม
พิพากษายืน