แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน กรณีจึงตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305, 1306 ดังนั้นหนังสือสำคัญของทางราชการที่รับรองว่าที่พิพาทเป็นของ ล.ดังที่จำเลยอ้าง จึงไม่มีผลผูกพันทางราชการ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า คลองบางโรงน้ำมันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน อยู่ในความดูแลของโจทก์ ต่อมาปลายคลองตื้นเขิน แต่เมื่อน้ำขึ้นยังท่วมถึง จำเลยได้นำช่างรังวัดของสำนักงานที่ดินรังวัดที่ดินที่ตื้นเขินตอนปลายคลองเพื่อออกโฉนดอ้างว่าเป็นของจำเลย ขอให้พิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินใช้ทำนานานแล้ว ไม่ใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ล. เจ้าของเดิมขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไว้แต่ถึงแก่กรรมไปก่อน ที่พิพาทเป็นมรดกตกแก่จำเลย จำเลยครอบครองตลอดมาและร้องขอออกโฉนด โจทก์คัดค้าน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงศาลฟังตามพยานหลักฐานของโจทก์ว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน กรณีจึงตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305, 1306 ความว่าทรัพย์ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นจะโอนแก่กันมิได้เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา และห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หนังสือสำคัญทางราชการที่รับรองว่าที่พิพาทเป็นของ ล. ที่จำเลยอ้าง จึงไม่มีผลผูกพันทางราชการตามนัยแห่งบทกฎหมายดังกล่าว
พิพากษายืน