คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาเศรษฐกิจของชาติเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าเรื่องส่วนตัวเพราะส่งผลกระทบไปยังปัญหาทางด้านการเมืองและสังคม รัฐบาลต้องอาศัยปัญหาเศรษฐกิจมากำหนดนโยบายทางการเมือง ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีผู้คนในสังคมตกงานหมดกำลังซื้ออาจก่อปัญหาด้านอาชญากรรมต่างๆได้มาก ปัญหาเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ของประชาชนและรัฐบาล การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 หยิบยกปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในภาวะปัจจุบันมิใช่ขณะออกเช็คพิพาทมาวินิจฉัยเพื่อประกอบดุลพินิจในการรอลงโทษให้แก่จำเลย ย่อมมีอำนาจกระทำได้เพราะมิใช่กรณีตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ ป.อ. มาตรา ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๙๑ รวม ๘ กระทง จำคุกกระทงละ ๓ เดือน รวมจำคุก ๒ ปี ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เห็นควรลดโทษ ให้หนึ่งในสี่ตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษาแก้เป็นให้จำคุกกระทงละ ๑ เดือน และปรับกระทงละ ๕,๐๐๐ บาท รวม ๘ กระทง จำคุก ๘ เดือน และปรับ ๔๐,๐๐๐ บาท ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ เดือน และปรับ ๓๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอมีกำหนดโทษ ๒ ปี ตาม ป.อ. มาตรา ๕๖ ไม่ชำระให้กักขังแทนตาม ป.อ. มาตรา ๒๙, ๓๐ นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า สมควรลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษหรือไม่ และการที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ หยิบยกปัญหาเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำมาเป็นข้อประกอบการใช้ดุลพินิจในการลงโทษโดยมิได้ยกขึ้นมาว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นชอบหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าปัญหาเศรษฐกิจของชาติเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งกว่าเรื่องส่วนตัวเพราะส่งผลกระทบไปยังปัญหาทางด้านการเมืองและสังคม รัฐบาลต้องอาศัยปัญหาเศรษฐกิจ มากำหนดนโยบายทางการเมือง ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี เกิดการว่างงาน ไม่มีกำลังซื้อ อาจนำไปสู่ปัญหาด้านอาชญากรรมต่าง ๆ ได้มาก ปัญหาด้านเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนและรัฐบาล การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ หยิบยกปัญหาเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำในภาวะปัจจุบันมิใช่ขณะออกเช็คพิพาทมาวินิจฉัยจึงมีอำนาจกระทำได้ เพราะมิใช่กรณีตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๕ … การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ ใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำเลยนั้นเหมาะสมกับความผิดแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน .

Share