คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2665/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

การที่ผู้ตายกับจำเลยเคยมีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อนและในวันเกิดเหตุผู้ตายกับพวกตามมาพบจำเลยที่สยามฟุตบอลเข้าไปหาอย่างประสงค์ร้ายจำเลยเดินหลบหนีไปแล้วผู้ตายกับพวกยังติดตามจำเลยไปอีกเมื่อจำเลยหลบหนีไปถึงใต้ถุนอาคารโรงเรียนติดกับกำแพงซึ่งไม่อาจหลีเลี่ยงหรือหลบหนีไปทางใดได้อีกผู้ตายกับพวกจึงตามไปทันและเมื่อเข้าใกล้ประมาณ2วาผู้ตายก็ชัดมีดยาวคืบเศษจะแทงจำเลยโดยที่พวกของผู้ตายอีกคนหนึ่งก็ยืนคุมเชิงอยู่พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยได้ชักปืนยิงผู้ตายไปสองนัดเมื่อผู้ตายถูกกระสุนปืนทรุดตัวลงจำเลยก็ไม่ได้ยิงซ้ำอีกเป็นการกระทำเพียงพอกับความจำเป็นในการป้องกันผลร้ายที่อาจเกิดขึ้นแก่จำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายมณี แซ่หรือ ผู้ตาย และนายวิรัช รัตนกุลผู้เสียหาย หลายนัดโดยมีเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนายมณีถึงแก่ความตาย แต่พลาดไปไม่ถูกนายวิรัช ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69 จำคุก 3 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกับผู้ตายและนายวิรัชเคยมีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อนและในวันเกิดเหตุผู้ตายกับนายวิรัชขับขี่รถจักรยานยนต์ไปที่สนามฟุตบอลพบจำเลยยืนดูฟุตบอลอยู่ ผู้ตายกับนายวิรัชจึงลงจากรถจักรยานยนต์แล้วเดินเข้าไปหาจำเลยอย่างประสงค์ร้าย จำเลยเห็นผู้ตายกับนายวิรัชจึงเดินหลบไปทางอาคารโรงเรียนและเข้าไปอยู่ใต้ถุนโรงเรียนติดกับกำแพงซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือหลบหนีไปทางใดได้อีก ผู้ตายกับนายวิรัชจึงตามไปทัน และเมื่อเข้าใกล้ประมาณ 2 วา ผู้ตายก็ชักมีดยาวคืบเศษจะแทงจำเลย โดยที่นายวิรัชพวกของผู้ตายก็ยืนคุมเชิงอยู่ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยได้ชักปืนยิงผู้ตายไปสองนัด เมื่อผู้ตายถูกกระสุนปืนทรุดตัวลง จำเลยก็ไม่ได้ยิงซ้ำอีก เป็นการกระทำเพียงพอกับความจำเป็นในการป้องกันผลร้ายที่อาจเกิดขึ้นแก่จำเลย เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายืน

Share