แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจมีไว้ซึ่งยาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์เพื่อจำหน่าย น้ำหนัก 0.11 กรัมราคา 3 บาท 30 สตางค์ และจำเลยได้บังอาจจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษดังกล่าวให้กับผู้มีชื่อ ดังนี้ ตามคำบรรยายฟ้องมีความหมายชัดแจ้ง แสดงว่าจำเลยมีเฮโรอีน 0.11 กรัมแล้วจำหน่ายไปทั้งหมด ไม่มีเหลืออยู่ที่จำเลยอีก แม้จะได้ความตามทางพิจารณาว่า หลังจากจำเลยจำหน่ายเฮโรอีนไป 1 หลอดแล้ว ยังมีเฮโรอีนเหลืออยู่ที่จำเลยอีก 2 หลอด ก็เป็นกรณีที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องจะนำข้อเท็จจริงที่ได้ความนอกเหนือจากคำฟ้องมาวินิจฉัยให้เป็นโทษแก่จำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายมิได้ คงลงโทษจำเลยได้เฉพาะข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีนเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2519 เวลากลางวันจำเลยได้บังอาจมียาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย รวมน้ำหนัก 0.11 กรัม ราคา 3 บาท 30 สตางค์ และจำเลยได้จำหน่ายยาเสพติดให้โทษดังกล่าวให้กับผู้มีชื่อโดยมิได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี และโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยยาเสพติดให้โทษเป็นของกลาง ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอาญา ตามคดีหมายเลขแดงที่ 202/2516 จำคุก 6 เดือน ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษมาแล้ว จำเลยกระทำผิดขณะมีอายุเกินกว่า 17 ปี จำเลยพ้นโทษแล้วภายใน 5 ปี กลับมากระทำผิดในคดีนี้อีกขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ,20 ทวิ, 20 ตรี, (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2502 มาตรา 8, (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 6, 7, 12 ขอให้ริบของกลางและเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษรับว่าเป็นความจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ, (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 6 ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี เพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2502มาตรา 8 กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 15 ปี จำเลยรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยเป็น 2 กรรมจึงไม่ชอบ ขอให้ลงโทษสถานเบา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ, 20 ทวิ, (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 6, 12 จำคุก 5 ปี เพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2502 มาตรา 8 กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 7 ปี 6 เดือน จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 9 เดือน ของกลางริบ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรม ขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ตามวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา จำเลยได้บังอาจมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยได้บังอาจจำหน่ายเฮโรอีนของกลางให้แก่ผู้มีชื่อไป สิบตำรวจโทมนัสจับจำเลยได้พร้อมด้วยเฮโรอีนที่ยังเหลือที่อยู่ที่จำเลยอีก 2 หลอด มีปัญหาว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายกรรมหนึ่ง และฐานจำหน่ายเฮโรอีนนั้นอีกกรรมหนึ่งหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้พิจารณาฟ้องและคำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์แล้วตามคำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายไว้ชัดว่าจำเลยได้บังอาจมีไว้ซึ่งยาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์เพื่อจำหน่ายน้ำหนัก 0.11 กรัม ราคา 3 บาท30 สตางค์ และจำเลยได้บังอาจจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษดังกล่าวให้กับผู้มีชื่อ ตามคำบรรยายฟ้องดังที่กล่าวมานี้มีความหมายชัดแจ้งแสดว่าจำเลยมีเฮโรอีน 0.11 กรัมแล้วจำหน่ายไปทั้งหมดไม่มีเหลืออยู่ที่จำเลยอีก แม้จะได้ความตามทางพิจารณาว่า หลังจากจำเลยจำหน่ายเฮโรอีนไป 1 หลอดแล้ว ยังมีเฮโรอีนเหลืออยู่ที่จำเลยอีก 2 หลอด ก็เป็นกรณีที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง จะนำข้อเท็จจริงตามที่ได้ความนอกเหนือจากคำฟ้องมาวินิจฉัยให้เป็นโทษแก่จำเลยมิได้
พิพากษายืน