คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2659/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

“ลูกจ้างของนายจ้าง” ที่จ้างไว้เพื่อทำงานอันมี “ลักษณะ” เป็นครั้งคราว เป็นการจร หรือเป็นไปตามฤดูกาลตาม พ.ร.ฎ.กำหนดลูกจ้างตามมาตรา 4 (6) แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 พ.ศ.2545 มาตรา 4 (6) หมายความถึงลักษณะงานของนายจ้างหรือสภาพงานหลักของนายจ้างเป็นงานที่เป็นครั้งคราว เป็นการจร หรือเป็นไปตามฤดูกาล
โจทก์ผู้เป็นนายจ้างประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง โจทก์จ้างลูกจ้างให้ทำงานก่อสร้างตามงานที่ได้รับจากผู้ว่าจ้าง งานที่โจทก์ให้ลูกจ้างทำจึงเป็นงานหลักของโจทก์ แม้โจทก์จ้างลูกจ้างทำงานตามแต่จะมีการรับเหมาก่อสร้างเป็นครั้งคราว ลูกจ้างสมัครใจทำงานหรือหยุดงานก็ได้ โดยจ่ายค่าจ้างเป็นรายวัน สภาพงานของโจทก์ไม่ใช่งานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราว เป็นการจรหรือเป็นไปตามฤดูกาล ลูกจ้างของโจทก์จึงไม่เป็นลูกจ้างของนายจ้างที่จ้างไว้เพื่อทำงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราว เป็นการจร หรือเป็นไปตามฤดูกาลด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยตามหนังสือที่ ชย 0025/2402 และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ของจำเลยที่ 39/2549
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยตามหนังสือที่ ชย 0025/2402 และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ของจำเลยที่ 39/2549
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการเดียวว่าลูกจ้างของโจทก์เป็นลูกจ้างตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 4 (6) และพระราชกฤษฎีกากำหนดลูกจ้างตามมาตรา 4 (6) แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 พ.ศ.2545 หรือไม่ พิเคราะห์แล้วพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 4 บัญญัติว่า “พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่…(6) กิจการหรือลูกจ้างอื่นตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา” และพระราชกฤษฎีกากำหนดลูกจ้างตามมาตรา 4 (6) แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 พ.ศ.2545 มาตรา 4 บัญญัติว่า “ให้ลูกจ้างต่อไปนี้เป็นลูกจ้างตามมาตรา 4 (6) แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533…(6) ลูกจ้างของนายจ้างที่จ้างไว้เพื่อทำงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราว เป็นการจร หรือเป็นไปตามฤดูกาล” การแปลความหมายว่า “ลูกจ้างของนายจ้าง” นั้น จะเป็นลูกจ้างของนายจ้างที่จ้างไว้เพื่อทำงานอันมีลักษณะตามบทบัญญัติดังกล่าวหรือไม่ ต้องพิจารณาถึงความมุ่งหมายของบทบัญญัตินี้ โดยเทียบเคียงกับคำว่า “ลูกจ้างของนายจ้าง” ที่บัญญัติไว้ใน (7) และ (8) ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งตามบทบัญญัติมาตรา 4 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ดังนั้น “ลูกจ้างของนายจ้าง” ตามอนุมาตรา (6) จึงต้องหมายความถึง ลักษณะงานของนายจ้างหรือสภาพงานหลักของนายจ้าง ซึ่งโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง
โจทก์จ้างลูกจ้างเป็นคนงานหรือกรรมกรก็เพื่อให้ทำงานก่อสร้างตามงานที่ได้รับจากผู้ว่าจ้าง งานที่โจทก์ให้ลูกจ้างทำจึงเป็นงานหลักของโจทก์ แม้โจทก์จะจ้างลูกจ้างทำงานตามแต่จะมีงานรับเหมาก่อสร้างเป็นครั้งคราว ซึ่งลูกจ้างจะสมัครใจทำงานหรือหยุดงานก็ได้โดยมีการจ่ายค่าจ้างเป็นรายวัน สภาพงานของโจทก์ก็มิใช่งานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราว เป็นการจร หรือเป็นไปตามฤดูกาล ลูกจ้างของโจทก์จึงไม่เป็นลูกจ้างของนายจ้างที่จ้างไว้เพื่อทำงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราว เป็นการจร หรือเป็นไปตามฤดูกาลด้วย โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างจึงมีหน้าที่ต้องยื่นแบบรายการแสดงรายชื่อผู้ประกันตน อัตราค่าจ้าง และข้อความอื่นตามแบบที่เลขาธิการสำนักงานประกันสังคมกำหนดต่อสำนักงานประกันสังคมภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ลูกจ้างดังกล่าวเป็นผู้ประกันตน และนำส่งเงินสมทบตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 34 และมาตรา 47 เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติ จำเลยจึงมีอำนาจดำเนินการตามมาตรา 47 ทวิ เรียกให้โจทก์ส่งเงินสมทบพร้อมเงินเพิ่มได้ ดังนั้นการที่จำเลยโดยสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชัยภูมิมีหนังสือแจ้งผลการตรวจบัญชีค่าจ้างประจำปี 2546 ที่ ชย 0025/2402 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2548 และคณะกรรมการอุทธรณ์มีคำวินิจฉัย ที่ 39/2549 ลงวันที่ 10 มกราคม 2549 จึงถูกต้องแล้ว ที่ศาลแรงงานกลางให้เพิกถอนคำสั่งและคำวินิจฉัยดังกล่าวไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์จำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share