แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์นั้น ในชั้นฎีกาต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้มีการยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นศาลอุทธรณ์ จึงต้อห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
จำเลยฎีกาตึกพิพาทเป็นเคหะอยู่ในความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 แต่มิได้ยกปัญหานี้ขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามตามมาตรา 249 และเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรจะยกปัญหาดังกล่าวนี้ขึ้นวินิจฉัยตามมาตรา 142(5) ก็ไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้
เมื่อการเช่าอสังหาริมทรัพย์มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้เช่าก็ไม่อาจยกสิทธิเกี่ยวกับสัญญาเช่าขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ให้เช่าได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์เพื่ออาศัยอยู่และทำการค้า โดยมิได้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือโจทก์ได้บอกกล่าวเลิกการเช่าให้จำเลยออกไปจากตึกพิพาท จำเลยก็ไม่ออก จึงขอให้ศาลขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์จะมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทหรือไม่ จำเลยไม่ทราบ จำเลยไม่ได้เช่าตึกแถวพิพาทจากโจทก์ จำเลยไม่ได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่าจากโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาขับไล่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นข้อเท็จจริงที่จำเลยฎีกาขึ้นมาเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้ ในชั้นฎีกาต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่มีการยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในชั้นศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙
ที่จำเลยฎีกาว่าตึกพิพาทเป็นเคหะอยู่ในความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.๒๕๐๔ ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิบอกเลิกการเช่า ปัญหาข้อนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๔๙ และเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรจะยกปัญหาดังกล่าวนี้ขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒(๕)
ส่วนฎีกาข้ออื่นของจำเลยเป็นเรื่องจำเลยโต้เถียงอ้างสิทธิตามสัญญาเช่าเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทจากโจทก์โดยมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ เมื่อการเช่าอสังหาริมทรัพย์มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือแล้ว จำเลยก็ไม่อาจยกสิทธิเกี่ยวกับสัญญาเช่าขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย