คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2473

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่าโจทก์ทำผิดอายาประกาศเพิ่มเติมกฎหมายอาญา พ.ศ. 2468 บุคคลนิติสมมุตรับโทษอาญาปรับได้ พรบ เอกสารหนังสือพิมพ์ พ.ศ.2470 ม.33 วิธีพิจารณาอาญาในความจริงได้และไม่ได้เพียงไร สถานีตำรวจไม่ใช่โรงศาลหรือที่ประชุมชน

ย่อยาว

คดีนี้จำเลยนำข่าวจากที่ทำกาารของตำรวจนครบาลลงในหนังสือพิมพ์ของตนว่า ตำรวจจับตัวโจทก์ไปหาว่ายักยอกทองรูปพรรณของนายเม้ง โจทก์ให้รับสารภาพ ตำรวจจะได้จัดการฟ้องร้องต่อไปดังนี้
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อความที่ลงนั้นหมิ่นประมาทโจทก์ ถึงแม้จะเปนจริง หากจะทำให้คนทั่งหลายดูหมิ่นโจทก์แล้ว ก็เรียกว่าใส่ความตาม ม.๒๘๒ ที่จำเลยโฆษณาภายหลังจะอ้างข้อยกเว้นในมาตรา ๒๘๔ และ ๒๘๓ ข้อ ๓-๔ ไม่ได้ เพราะเปนข่าวติเตียน และที่ทำการตำรวจไม่ใช่โรงศาล ส่วนจำเลยที่ ๒ เปนบุคคลนิติสมมตก็ถูกฟ้องทางอาญาให้ปรับได้ตาม พรบ สมุดเอกสารและหนังสือพิมพ์ พ.ศ.๒๔๗๐ และกฎหมายอาญาเพิ่มเติม พ.ศ.๒๔๖๘ ม.๓๔๗ ถึง ๓๕๓ จึงตัดสินให้ปรับคนละ ๒๐๐ บาท
ศาลฎีกาเห็นว่า ข่าวที่จำเลยลงในหนังสือพิมพ์เปนข้อความที่จำเลยใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ว่าโจทก์ทำผิดทางอาญา ถ้าไม่มีข้อแก้ตัวตามกฎหมายแล้วต้องมีผิดตาม ม.๒๘๒ ตอน ๒ และจำเลยไม่ได้แสดงเหตุผลว่า ที่จำเลยโฆษณานั้นเปนสาธารณะประโยชน์ในทางใด ศาลฎีกาเห็นว่า การโฆษณาของจำเลยไม่เปนสาธารณะประโยชน์ไม่เข้าข้อยกเว้นตาม ม.๒๘๔ ศาลไม่ควรยอมให้จำเลยสืบข้อความว่าเปนจริง เมื่อศาลล่างยอมให้สืบเช่นนี้แล้ว และจำเลยก็สืบไม่สม ย่อมมีผิดและการกระทำของจำเลยไม่เข้าข้อยกเว้นตาม ม.๒๘๓ เพราะไม่ใช่เรื่องที่แสดงความคิดเห็นหรือกล่างติเตียนอันเปนวิสัยธรรมดาที่จะกล่าวกันและไม่ใช่เรื่องที่ดำเนิรอยู่ในโรงศาลหรือที่ประชุมชนจึงตัดสินยื่นตามศาลอุทธรณ์

Share