แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลมีอำนาจวินิจฉัยเกี่ยวกับการเสียเงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร มาตรา 26 ได้(อ้างฎีกาที่ 989-993/2498) เมื่อเจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจประเมินและวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์รับผิดเสียเงินเพิ่มขึ้น 2 เท่า ของจำนวนเงินภาษีอากร ดังนี้ เมื่อได้ความว่าโจทก์มีเจตนาจะเสียภาษีเงินได้ของตนให้น้อยลงกว่าที่จะต้องเสียตามกฎหมายโดยผลักภาระการเสียภาษีเงินได้ของตนให้บริษัทที่ตนตั้งขึ้นเป็นผู้ชำระแทนมิได้ตั้งใจจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระภาษีเงินได้เสียทีเดียว ศาลย่อมมีอำนาจให้โจทก์เสียเงินเพิ่มเพียง 1 เท่าได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มิได้หาประโยชน์ร่วมกับบริษัทสีลมอาคารและบริการจำกัดจะนำเอาเงินค่าเช่าที่บริษัทนั้นได้รับมาแบ่งเป็นรายได้ของโจทก์ไม่ได้ แต่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินภาษีโดยถือว่าเป็นเงินได้ของโจทก์ และให้โจทก์เสียเงินเพิ่ม 2 เท่า จึงขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์
จำเลยให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ทุกคนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นายประสิทธิ์ในฐานะผู้จัดการคณะบุคคลซึ่งมีหุ้นส่วนคือ โจทก์ที่ 2 และที่ 3 เสียเงินเพิ่ม 1 ใน 3 ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสียสำหรับปี พ.ศ. 2507 ถึง 2512 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ทุกคนและจำเลยทั้งสี่ฎีกา ต่อมาโจทก์ทุกคนขอถอนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่าเจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ประเมินและวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์เสียเงินเพิ่มภาษี 2 เท่าชอบแล้ว และศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยให้ลดเงินเพิ่มภาษีให้โจทก์ได้ ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลรัษฎากรมาตรา 26 บัญญัติว่า”เว้นแต่จะมีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในลักษณะนี้ ในการประเมินตามมาตรา 24 หรือมาตรา 25 ผู้ต้องเสียภาษีอากรอาจต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า จำนวนเงินภาษีอากร เงินนี้ให้ถือเป็นค่าภาษีอากร”
กรณีของโจทก์นี้ เป็นการประเมินตามประมวลรัษฎากรมาตรา 24 ฉะนั้น โจทก์จึงอาจต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าจำนวนเงินภาษีอากรการที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ประเมินและวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์เสียเงินเพิ่มภาษี 2 เท่านั้น จึงเป็นการประเมินและวินิจฉัยโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 26 ดังกล่าวนี้ แต่การที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจประเมินและวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์ต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มขึ้น 2 เท่าของจำนวนเงินภาษีอากรทั้ง ๆที่ตามกฎหมายอาจจะใช้ดุลพินิจให้โจทก์รับผิดเสียเงินเพิ่มน้อยกว่า 2 เท่าก็ได้นั้น มีปัญหาว่าศาลจะมีอำนาจแก้ไขการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของเจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้หรือไม่ศาลฎีกาพิเคราะห์ปัญหานี้แล้วเห็นว่า ศาลมีอำนาจวินิจฉัยเกี่ยวกับการเสียเงินเพิ่มตามประมวลรัษฎากร มาตรา 26 ได้ ทั้งนี้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 989 ถึง 993/2498 ระหว่างนายเจริญ คุณะปุระ โจทก์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จำเลย ฯลฯ และเห็นว่าโจทก์มีเจตนาเพียงจะเสียภาษีเงินได้ของตนให้น้อยลงกว่าที่จะต้องเสียตามกฎหมายโดยผลักภาระการเสียภาษีเงินได้ของตนให้บริษัทที่ตนตั้งขึ้นเป็นผู้ชำระแทน มิได้จงใจจะหลีกเลี่ยงไม่เสียภาษีเงินได้เสียทีเดียว จึงเห็นสมควรลดเงินเพิ่มให้บ้าง แต่ที่ศาลอุทธรณ์ลดให้นั้นมากเกินไป ควรให้โจทก์เสียเงินเพิ่มอีก 1 เท่าของจำนวนเงินภาษีที่จะต้องเสียสำหรับปี พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2512
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาให้นายประสิทธิ์ในฐานะผู้จัดการคณะบุคคลซึ่งมีหุ้นส่วนคือ โจทก์ที่ 2 ที่ 3 เสียเงินเพิ่ม 1 ใน 3 เท่าของจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสียสำหรับปี พ.ศ. 2507 ถึงปี พ.ศ. 2512 เป็นให้เสียเงินเพิ่มอีก 1 เท่าของจำนวนเงินภาษีที่จะต้องเสียสำหรับปี พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2512 ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์